
1. พระราชบัญญัติการทางพิเศษแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2550 ให้ไว้ ณ วันใด
ก. 30 มกราคม 2550 ค. 30 ธันวาคม 2550
ข. 31 มกราคม 2550 ง. 31 ธันวาคม 2550
ตอบ ง. 31 ธันวาคม 2550
2. พระราชบัญญัติการทางพิเศษแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2550 มีกี่หมวด กี่มาตรา
ก. 6 หมวด 70 มาตรา ค. 5 หมวด 70 มาตรา
ข. 7 หมวด 70 มาตรา ง. 7 หมวด 60 มาตรา
ตอบ ข. 7 หมวด 70 มาตรา
3. ข้อใด ไม่ใช่ ความหมายคำว่า “รถ” ตามพระราชบัญญัติการทางพิเศษแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2550
ก. จักรยานยนต์ ค. รถบรรทุก
ข. รถยนต์ ง. รถราง
ตอบ ง. รถราง
“รถ” หมายความว่า ยานพาหนะทางบกทุกชนิด เว้นแต่รถไฟและรถราง
4. “ทางพิเศษ” หมายความว่า
ก. ทางหรือถนนซึ่งจัดสร้างขึ้นในระดับพื้นดิน เพื่ออำนวยความสะดวกในการจราจรเป็นพิเศษ
ข. ทางหรือถนนซึ่งจัดสร้างขึ้นเหนือพื้นดินหรือใต้พื้นดิน เพื่ออำนวยความสะดวกในการจราจรเป็นพิเศษ
ค. ทางหรือถนนซึ่งจัดสร้างขึ้นเหนือพื้นน้ำ เพื่ออำนวยความสะดวกในการจราจรเป็นพิเศษ
ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง. ถูกทุกข้อ
“ทาง พิเศษ” หมาย ความว่า ทางหรือถนนซึ่งจัดสร้างขึ้น หรือได้รับโอนหรือได้รับมอบไม่ว่าจะจัดสร้างขึ้นในระดับพื้นดิน เหนือหรือใต้พื้นดินหรือพื้นน้ำ เพื่ออำนวยความสะดวกในการจราจรเป็นพิเศษ และให้หมายความรวมถึงสะพาน อุโมงค์ เรือสำหรับขนส่งรถข้ามฟาก ท่าเรือสำหรับขึ้นลงรถ ทางเท้า ที่จอดรถ เขตทาง ไหล่ทาง เขื่อนกั้นน้ำ ท่อหรือทางระบายน้ำ กำแพงกันดิน รั้วเขต หลักระยะ สัญญาณจราจร เครื่องหมายจราจร อาคาร หรือสิ่งอื่นใดที่จัดไว้ในเขตทางเพื่ออำนวยความสะดวก หรือเพื่อความปลอดภัยเกี่ยวกับงานทางพิเศษ
5. ใครเป็นผู้รัฐมนตรีผู้รักษาการตามพระราชบัญญัติการทางพิเศษแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2550
ก. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ค. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม
ข. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ง. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
ตอบ ค. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม
มาตรา ๕ ให้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้ และให้มีอำนาจแต่งตั้งพนักงานเจ้าหน้าที่และออกกฎกระทรวงและประกาศเพื่อ ปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้
6. “การทางพิเศษแห่งประเทศไทย” เรียกโดยย่อว่าอะไร
ก. ทพท. ค. กทพ.
ข. กพท. ง. กศท.
ตอบ ค. กทพ.
มาตรา ๖ ให้ จัดตั้งการทางพิเศษขึ้นเรียกว่า “การทางพิเศษแห่งประเทศไทย” เรียกโดยย่อว่า “กทพ.” และให้ใช้ชื่อเป็นภาษาอังกฤษว่า “EXPRESSWAYAUTHORITYOFTHAILAND” เรียกโดยย่อว่า “EXAT” และให้มีตราเครื่องหมายของ “กทพ.”
7. พระราชบัญญัติการทางพิเศษแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2550 ห้ามมิให้บุคคลใดใช้ชื่อที่มีอักษรไทยหรืออักษรต่างประเทศซึ่งแปลหรืออ่านว่าอย่างไร ซึ่งอาจทำให้ประชาชนเข้าใจว่าเป็นกิจการของ กทพ.
ก. ทางพิเศษ ค. ทางลัด
ข. ทางด่วน ง. ถูกทั้ง ก และ ข
ตอบ ง. ถูกทั้ง ก และ ข
มาตรา ๗ ห้าม มิให้บุคคลใดใช้ชื่อที่มีอักษรไทยหรืออักษรต่างประเทศซึ่งแปลหรืออ่านว่า “ทางพิเศษ” หรือ “ทางด่วน” ประกอบ ในดวงตรา ป้ายชื่อ จดหมาย ใบแจ้งความหรือเอกสารอย่างอื่นเกี่ยวกับธุรกิจอันอาจทำให้ประชาชนเข้าใจว่า เป็นกิจการของ กทพ. เว้นแต่ได้รับอนุญาตเป็นหนังสือจาก กทพ.
8. กทพ. มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ใด
ก. กรุงเทพมหานคร ค. จังหวัดอื่นตามความเหมาะสม
ข. สมุทรปราการ ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง. ถูกทุกข้อ
มาตรา ๙ ให้ กทพ. มีสำนักงานใหญ่ในกรุงเทพมหานคร หรือจังหวัดอื่นตามความเหมาะสม และจะตั้งสำนักงานสาขาหรือตัวแทนขึ้น ณ ที่อื่นใดก็ได้ แต่การตั้งสำนักงานสาขาภายนอกราชอาณาจักรต้องได้รับอนุมัติจากรัฐมนตรีก่อน
9. กทพ. เป็นนิติบุคคล มีวัตถุประสงค์ในการจัดตั้งอย่างไร
ก. ถือกรรมสิทธิ์ มีสิทธิครอบครอง หรือมีทรัพยสิทธิต่าง ๆ
ข. สร้างหรือจัดให้มีทางพิเศษด้วยวิธีใด ๆ ตลอดจนบำรุงและรักษาทางพิเศษ
ค. ดำเนินงานหรือธุรกิจเกี่ยวกับทางพิเศษ และธุรกิจอื่นที่เกี่ยวเนื่องกับทางพิเศษหรือที่เป็นประโยชน์แก่ กทพ.
ง. ถูกทั้ง ข และ ค
ตอบ ง. ถูกทั้ง ข และ ค
มาตรา ๘ ให้ กทพ. เป็นนิติบุคคล มีวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้
(๑) สร้างหรือจัดให้มีทางพิเศษด้วยวิธีใด ๆ ตลอดจนบำรุงและรักษาทางพิเศษ
(๒) ดำเนินงานหรือธุรกิจเกี่ยวกับทางพิเศษ และธุรกิจอื่นที่เกี่ยวเนื่องกับทางพิเศษหรือที่เป็นประโยชน์แก่ กทพ.
10. ข้อใด ไม่ใช่ อำนาจหน้าที่ของ กทพ.
ก. ก่อตั้งสิทธิหรือกระทำนิติกรรมใด ๆ ทั้งในและนอกราชอาณาจักร
ข. การจัดแบ่งส่วนงานและวิธีปฏิบัติงาน
ค. กู้หรือยืมเงินภายในและภายนอกราชอาณาจักร
ง. จัดตั้งหรือถือหุ้นในบริษัทจำกัดหรือบริษัทมหาชนจำกัด
ตอบ ข. การจัดแบ่งส่วนงานและวิธีปฏิบัติงาน
มาตรา ๑๐ ให้ กทพ. มีอำนาจหน้าที่กระทำกิจการภายในขอบแห่งวัตถุประสงค์ตามมาตรา ๘ และอำนาจเช่นว่านี้ให้รวมถึง
(๑) ถือกรรมสิทธิ์ มีสิทธิครอบครอง หรือมีทรัพยสิทธิต่าง ๆ
(๒) ก่อตั้งสิทธิหรือกระทำนิติกรรมใด ๆ ทั้งในและนอกราชอาณาจักร
(๓) เรียกเก็บค่าผ่านทางพิเศษ หรือค่าบริการอื่น ตลอดจนค่าธรรมเนียมการใช้ทรัพย์สิน การให้บริการ และการอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ในเขตทางพิเศษ
(๔) กำหนดมาตรการเพื่อความปลอดภัยเกี่ยวกับการใช้และการรักษาทางพิเศษตลอดจนการ ใช้และการรักษาทรัพย์สิน การให้บริการ และการอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ในเขตทางพิเศษ
(๕) กู้หรือยืมเงินภายในและภายนอกราชอาณาจักร
(๖) ออกพันธบัตรหรือตราสารอื่นใดเพื่อการลงทุนหรือเพื่อประโยชน์แก่กิจการของ กทพ.
(๗) จัดตั้งหรือถือหุ้นในบริษัทจำกัดหรือบริษัทมหาชนจำกัดเพื่อประกอบธุรกิจเกี่ยวกับหรือเกี่ยวเนื่องกับกิจการของ กทพ.
(๘) ลงทุนหรือเข้าร่วมกิจการกับบุคคลอื่นเพื่อประกอบธุรกิจเกี่ยวกับหรือเกี่ยวเนื่องกับกิจการของ กทพ.
(๙) ให้สัมปทานในการสร้างหรือขยายทางพิเศษ ต่ออายุสัมปทาน โอนสัมปทานหรือเพิกถอนสัมปทาน
(๑๐) ว่าจ้างหรือมอบให้บุคคลหนึ่งบุคคลใดประกอบกิจการส่วนหนึ่งส่วนใดของ กทพ. แต่ถ้ากิจการนั้นมีรัฐวิสาหกิจใดมีอำนาจหน้าที่ในการดำเนินการ และคณะกรรมการเห็นว่ารัฐวิสาหกิจนั้นสามารถจะดำเนินการให้บังเกิดผลและมี ประสิทธิภาพได้ ให้ กทพ. ว่าจ้างหรือมอบให้รัฐวิสาหกิจนั้นเป็นผู้ประกอบกิจการก่อนผู้อื่น
(๑๑) ทำการค้าและให้บริการต่างๆ เกี่ยวกับอุปกรณ์และเครื่องใช้เกี่ยวกับทางพิเศษ
(๑๒) ให้เช่าหรือพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของ กทพ. ตามความจำเป็นเพื่อประโยชน์แก่ กทพ. โดยคำนึงถึงประโยชน์สาธารณะควบคู่ไปด้วย
(๑๓) วางแผน สำรวจ และออกแบบเกี่ยวกับการสร้างหรือขยายทางพิเศษ
(๑๔) กระทำการอย่างอื่นบรรดาที่เกี่ยวกับหรือเนื่องในการจัดให้สำเร็จตามวัตถุประสงค์ของ กทพ.
11. ข้อใด ไม่ใช่องค์ประกอบของ “คณะกรรมการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย”
ก. ผู้แทนกระทรวงพาณิชย์
ข. ผู้แทนกระทรวงการคลัง
ค. ผู้แทนกระทรวงคมนาคม
ง. ผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ตอบ ก. ผู้แทนกระทรวงพาณิชย์
มาตรา ๑๔ ให้ มีคณะกรรมการคณะหนึ่งเรียกว่า “คณะกรรมการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย” ประกอบ ด้วย ประธานกรรมการ ผู้แทนกระทรวงการคลัง ผู้แทนกระทรวงคมนาคม ผู้แทนสำนักงบประมาณ ผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ผู้แทนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิอีกไม่เกินสี่คน เป็นกรรมการ และผู้ว่าการเป็นกรรมการและเลขานุการ
ให้คณะรัฐมนตรีเป็นผู้แต่งตั้งประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
12. ประธานกรรมการ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ และผู้ว่าการ ต้องมีความรู้ความชำนาญเกี่ยวกับเรื่องใด
ก. วิศวกรรมศาสตร์ ค. สถาปัตยกรรมศาสตร์
ข. การบริหาร ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง. ถูกทุกข้อ
มาตรา ๑๕ ประธาน กรรมการ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ และผู้ว่าการ ต้องมีความรู้ความชำนาญเกี่ยวกับการบริหาร วิทยาศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ สถาปัตยกรรมศาสตร์ การผังเมือง เศรษฐศาสตร์ การคลัง หรือนิติศาสตร์
13. “คณะกรรมการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย” ต้องไม่มีลักษณะต้องห้ามใด
ก. เป็นพนักงานหรือลูกจ้าง
ข. เป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
ค. เป็น ผู้ มีส่วนได้เสียในสัญญากับ กทพ. หรือในกิจการที่กระทำให้แก่ กทพ. หรือในกิจการที่มีสภาพอย่างเดียวกันและมีลักษณะเป็นการแข่งขันกับกิจการของ กทพ. ไม่ว่าโดยทางตรงหรือโดยทางอ้อม
ง. ถูกทุกข้อ
ตอบ ง. ถูกทุกข้อ
มาตรา ๑๖ ประธาน กรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ นอกจากต้องมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามกฎหมายว่าด้วยคุณสมบัติ มาตรฐานสำหรับกรรมการและพนักงานรัฐวิสาหกิจแล้วยังต้องไม่มีลักษณะต้องห้าม ดังต่อไปนี้
(๑) เป็นพนักงานหรือลูกจ้าง
(๒) เป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
(๓) เป็นผู้มีส่วนได้เสียในสัญญากับ กทพ. หรือในกิจการที่กระทำให้แก่ กทพ. หรือในกิจการที่มีสภาพอย่างเดียวกันและมีลักษณะเป็นการแข่งขันกับกิจการของ กทพ. ไม่ว่าโดยทางตรงหรือโดยทางอ้อม เว้นแต่เป็นเพียงผู้ถือหุ้นเพื่อการ ลงทุนโดยสุจริตในบริษัทจำกัดหรือบริษัท มหาชนจำกัดที่กระทำการอันมีส่วนได้เสียเช่นว่านั้นก่อนวันที่จะได้รับแต่ง ตั้งเป็นประธานกรรมการหรือกรรมการ หรือเป็นผู้ซึ่งคณะกรรมการมอบหมายให้เป็นประธานกรรมการหรือกรรมการในบริษัท จำกัดหรือบริษัทมหาชนจำกัดที่ กทพ. เป็นผู้ถือหุ้น หรือในบริษัทจำกัดหรือบริษัทมหาชนจำกัดที่มีสัญญาร่วมงานหรือสัญญาสัมปทาน กับ กทพ.
14. “คณะกรรมการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย” อยู่ในตำแหน่งคราวละกี่ปี
ก. 3 ปี ค. 1 ปี
ข. 4 ปี ง. 2 ปี
ตอบ ก. 3 ปี
มาตรา ๑๗ ประธานกรรมการและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิอยู่ในตำแหน่งคราวละสามปี
15. ข้อใด ไม่ใช่อำนาจหน้าที่ของ“คณะกรรมการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย”
ก. การบริหารและการควบคุมทางการเงิน
ข. ออกพันธบัตรหรือตราสารอื่นใดเพื่อการลงทุนหรือเพื่อประโยชน์แก่กิจการของ กทพ.
ค. การจัดเก็บค่าผ่านทางพิเศษ
ง. การร้องทุกข์และการอุทธรณ์การลงโทษของพนักงานและลูกจ้าง
ตอบ ข. ออกพันธบัตรหรือตราสารอื่นใดเพื่อการลงทุนหรือเพื่อประโยชน์แก่กิจการของ กทพ.
| หน้าที่เข้าชม | 2,112,142 ครั้ง |
| ผู้ชมทั้งหมด | 1,481,485 ครั้ง |
| เปิดร้าน | 30 ก.ค. 2557 |
| ร้านค้าอัพเดท | 22 ต.ค. 2568 |
ศูนย์รวมหนังสือสอบราชการ