ตอบ เกิดขึ้นจากการที่มนุษย์เข้าไปทำลายระบบนิเวศ เช่น การทำลายสภาพแวดล้อม การหักล้างถางพง การตัดไม้ทำลายป่า การทำไร่เลื่อนลอย การเปลี่ยนพื้นที่ป่ามาทำเป็นพื้นที่การเกษตร การปลูกพืชเศรษฐกิจที่สำคัญชนิดเดียวเป็นพื้นที่กว้าง ๆ การกระทำเหล่านี้ที่มนุษย์สร้างขึ้นล้วนเป็นสาเหตุให้ความสมดุลของธรรมชาติสูญเสียไป
ตอบ พื้นที่หน่วยหนึ่งซึ่งเล็กหรือใหญ่ก็ได้ที่ประกอบไปด้วยสังคมสิ่งมีชีวิตที่อยู่ร่วมกับสิ่งไม่มีชีวิต โดยแต่ละกลุ่มมีหน้าที่ของตนเองและควบคุมกันเองตลอดเวลา
ตอบ กลุ่มของสิ่งมีชีวิตที่เป็นชนิดเดียวกัน(same species)มาอยู่รวมกันเป็นกลุ่ม สามารถผสมพันธุ์กันได้ มีการเกิด การตาย การอพยพเข้าและอพยพออก ประชากรในแต่ละกลุ่มซึ่งจะขึ้นกับสภาพแวดล้อมหรือปัจจัยทางชีวภาพและปัจจัยทางกายภาพ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ควบคุมขนาดของประชากรให้เพิ่มขึ้นหรือน้อยลงได้ ขนาดของประชากรจึงมีความเปลี่ยนแปลง(population dynamics)อยู่เสมอ
ตอบ กลุ่มประชากรที่อยู่รวมกันกับสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ในพื้นที่หนึ่ง ๆ ประกอบไปด้วยสิ่งมีชีวิ
หลายชนิด มีความสัมพันธ์กันในระดับชั้นของอาหาร(trophic levels) ได้แก่
ตอบ สิ่งมีชีวิตที่มีคลอโรฟิลล์ สามารถสังเคราะห์อาหารได้ด้วยตนเอง(autotroph) โดยอาศัยกระบวนการทางเคมี เช่น การสังเคราะห์แสง วงจรเคร็บ(Kreb’s cycle) และวงจรอื่น ๆ ที่อยู่ในกระบวนการผลิต ได้แก่ พืชชนิดต่าง ๆ นอกจากนั้นแล้วยังพืชยังสามารถสะสมอาหารหรือธาตุอาหารให้กับสิ่งมีชีวิตอื่น ได้อีกด้วย
ตอบ สิ่งมีชีวิตที่ไม่สามารถสังเคราะห์อาหารได้ด้วยตนเอง(heterotroph) ต้องอาศัยกินผู้ผลิตขั้นต้น ซึ่งได้แก่ สัตว์ที่กินพืช(herbivorous) เช่น แมลง กระต่าย วัว ควาย และวัชพืชบางชนิด
ตอบ สัตว์ที่กินสัตว์ด้วยกัน(carnivorous) เช่น นกกินหนอน เสือกินวัวควาย ด้วงเต่าลายกัดกินเพลี้ยอ่อนเป็นอาหาร แตนเบียนทริโครแกรมมาทำลายหนอนกออ้อย เชื้อแบคทีเรีย Bacillus thruringensis ทำลายหนอนเจาะสมอฝ้าย เชื้อราไตรโคเดอมาทำลายเชื้อราโรคพืช
ตอบ สิ่งมีชีวิตที่ย่อยสลายพืชและสัตว์หรือกินซากเน่าเปื่อย(scavengers) เช่น แมลงบางชนิด เห็ด รา และแบคทีเรียบางชนิด
ตอบ ความหลากหลายของสายพันธุ์และชนิดของสิ่งมีชีวิตในบริเวณใดบริเวณหนึ่ง
ตอบ 3 ประเภท ได้แก่
ตอบ พื้นที่ที่มีพืชขึ้นในสภาพธรรมชาติ เช่น ป่าดงดิบ ป่าเบญจพรรรณ มีความสัมพันธ์กันของสิ่งมีชีวิตหลายชนิดและสิ่งไม่มีชีวิต สิ่งสำคัญของระบบนิเวศวิทยาธรรมชาติก็คือ ถ้าไม่มีสิ่งใดมารบกวนประชากรของสิ่งมีชีวิตชนิดต่าง ๆ ในระบบนั้นแล้ว จะเกิดปรากฏการณ์ที่เรียกว่า สมดุลธรรมชาติ (balance of nature) คือมีการควบคุมประชากรด้วยกันเองโดยธรรมชาติ
ตอบ พื้นที่เพาะปลูกหรือมีพืชขึ้นโดยมิได้เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ เป็นการกระทำของมนุษย์ เช่น พื้นที่เพาะปลูก สภาพป่าที่มีการตบแต่งเป็นสถานที่พักผ่อน หรือบริเวณโรงงานอุตสาหกรรม
ตอบ 1. ความคงทนถาวรของระบบนิเวศ ระบบนิเวศเกษตรไม่มีกลไกปรับสภาพภายในตัวเองในลักษณะที่ถาวร ทรงความเป็นระบบนิเวศหรือแหล่งพึ่งพาอาศัยของสิ่งมีชีวิตในระบบนิเวศได้เพียงชั่วระยะเวลาหนึ่ง เช่นนิเวศเกษตรที่ปลูกไม้ล้มลุก สภาพระบบนิเวศเกษตรก็จะมีอายุสั้น หากระบบนิเวศเกษตรของสวนผลไม้ไม่ว่าจะเป็น เงาะ ลำไย ทุเรียน มังคุด หรือสวนยางพารา จะมีสภาพระบบนิเวศเกษตรที่เกี่ยวข้องกับสิ่งมีชีวิตยาวนานกว่า แต่จะน้อยกว่าป่าธรรมชาติที่มีความถาวรได้นานกว่า
ตอบ 2 ประเภท คือ
ตอบ 1. แสงมีบทบาทต่อแมลง เช่น การนำทิศทางในสภาพแวดล้อม แสงมีบทบาทต่อกิจกรรมบางอย่างในช่วงชีวิตของแมลง จากการที่แกนโลกเอียงทำมุม 23.5 องศา และมีการหมุนเวียนรอบดวงอาทิตย์ ทำให้เกิดความแตกต่างประจำปีในเรื่องของปริมาณความร้อนและช่วงแสงที่ได้รับไม่เท่ากัน ก็มีผลต่อแมลงด้วย เช่น แมลงหวี่ ออกหากินและผสมพันธุ์ วางไข่ใกล้พระอาทิตย์ตกดินและจะเข้าดักแด้ในเวลากลางคืน หนอนแมลงวันเจาะโคนกล้าถั่วจะออกหากินเฉพาะช่วงเช้า พอแดดเริ่มออก แมลงชนิดนี้จะหลบแดดและไปอาศัยที่แหล่งอื่นนอกจากนี้ การเปลี่ยนแปลงของช่วงแสงเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้แมลงพักตัว
ตอบ 1. อุณหภูมิมีผลกระทบกับชีวิตแมลง โดยเหตุว่าแมลงเป็นสัตว์เลือดเย็น(poikilotherm) อุณหภูมิในตัวแมลงจะเท่ากับอุณหภูมิของสภาพแวดล้อมภายนอก แมลงจะต้องใช้วิธีปรับตัวทางสรีรวิทยา ทำให้แมลงสามารถอยู่รอดได้ในสภาพร้อนจัดหรือเย็นจัดได้ แมลงแต่ละชนิดมีช่วงอุณหภูมิที่ทำให้สามารถดำรงชีวิตหรือทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้แตกต่างกันออกไป แมลงบางชนิดมีความสามารถควบคุมอุณหภูมิของตัวมันเองให้สูงขึ้นจาก 32 องศาเซลเซียส เป็น 36 องศาเซลเซียส โดยการกระพือปีกหลาย ๆ ครั้งก่อนออกบิน หนอนผีเสื้อบางชนิดมีนิสัยชอบอยู่ร่วมกันเป็นกลุ่ม ทำให้อุณหภูมิรอบตัวสูงขึ้นได้ 1.5-2 องศาเซลเซียส ผึ้งที่อยู่ในรังในช่วงฤดูหนาวที่แม้ว่าอุณหภูมิภายนอกจะลดต่ำกว่า 0 องศาเซลเซียส ผึ้งก็สามารถรักษาอุณหภูมิภายในรังไว้ได้ประมาณ 20-30 องศาเซลเซียส โดยใช้ความร้อนจาก metabolism ของผึ้งและโดยอาศัยน้ำผึ้งในรังเป็นอาหาร แมลงที่อยู่ในสภาพอากาศหนาวจัดหรือร้อนจัดอาจมีการพักตัวชั่วคราว เช่น การหยุดพักตัวในฤดูหนาว(hibernation) และการหยุดพักตัวในฤดูร้อน(aestivation) เป็นต้น
ตอบ 1. ความชื้นมีบทบาทต่อแมลง โดยที่ในตัวแมลงมีน้ำเป็นองค์ประกอบตั้งแต่ 50-90 เปอร์เซ็นต์ของน้ำหนักตัว ปริมาณน้ำในตัวแมลงจะแตกต่างกันไปแต่ละชนิดของแมลง อีกทั้งยังขึ้นอยู่กับระยะของการเจริญเติบโต เช่นในระยะตัวหนอน จะมีปริมาณความชื้นมากกว่าระยะดักแด้และตัวเต็มวัย แมลงที่มีลำตัวนิ่มจะมีปริมาณน้ำมากกว่าแมลงที่มีลำตัวแข็ง ปริมาณน้ำในลำตัว แท้จริงเป็นผลมาจากอิทธิพลของปริมาณน้ำในสภาพแวดล้อม ความชื้นในอากาศยังมีผลต่อการมีชีวิตรอดหรือการเกิดโรคที่ผลกระทบกับชีวิตของแมลง เช่น ในช่วงที่มีความชื้นน้อยหรือสภาพแห้งแล้ง แมลงที่อาศัยอยู่บนบกอาจตายได้จากการสูญเสียน้ำมากเกินไป ส่วนในสภาพที่มีความชื้นสูง อาจมีผลทางอ้อมต่อแมลงก็คือ ทำให้เชื้อโรคทำลายแมลงสามารถเจริญเติบโตได้ดี แพร่กระจายได้เร็ว อาจทำให้แมลงเป็นโรคและตายได้ หรืออาจยืดอายุทำให้ช่วงเวลาในการเจริญเติบโตของแมลงยาวนานออกไป ซึ่งส่งผลกระทบต่อการกินอาหารและการขยายพันธุ์ของแมลงอีกด้วย
3.ความชื้นในดินพบว่ามีส่วนทำให้เกิดโรคกับส่วนยอดน้อยกว่าความชื้นในบรรยากาศ แต่มีผลต่อโรคที่เกิดจากดิน หรือโรคที่มีเชื้อสาเหตุอาศัยอยู่ในดิน เช่น โรคเหี่ยว โคนเน่า รากเน่า ลำต้นเน่า โรคเหล่านี้ทำความเสียหายรุนแรงเมื่อดินมีความชื้นสูง เชื้อโรคในดินทุกชนิดต้องการความชื้นในการงอกเส้นใย การเข้าทำลายพืช การขยายพันธุ์ รวมทั้งการแพร่กระจายและการระบาด
ตอบ ลมมีบทบาทต่อการแพร่กระจายของแมลงขนาดเล็ก เช่น เพลี้ยอ่อน เพลี้ยจักจั่น ซึ่งกระแสลมอาจพัดพาไปได้ไกลหลายร้อยกิโลเมตร ลมยังเป็นตัวกำหนดทิศทางของแมลงที่อพยพจากถิ่นเดิมไปยังถิ่นใหม่และกลับจากถิ่นใหม่กลับถิ่นเดิม เมื่อสภาพแวดล้อมเหมาะสมอีกด้วย แต่ในบางครั้ง ถ้ามีลมและพายุฝนรุนแรงก็อาจทำให้แมลงตายได้ เพราะลมที่พัดแรง ทำให้การระเหยน้ำบนตัวแมลงเกิดขึ้นอย่างมากและทำให้แมลงแห้งตายได
ตอบ การแข่งขันของสิ่งมีชีวิต 2 ชนิดขึ้นไปเพื่อสิ่งเดียวกัน เช่น อาหาร ที่อยู่อาศัย ฯลฯ การแข่งขันแบ่งออกเป็น 2 ประเภทคือ
ตอบ 1. การเกษตรยั่งยืน 2. การเกษตรประณีต
หน้าที่เข้าชม | 2,110,789 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 1,480,132 ครั้ง |
เปิดร้าน | 30 ก.ค. 2557 |
ร้านค้าอัพเดท | 6 ก.ย. 2568 |