- สาธารณสุข หมายถึง อะไร
ตอบ หมายถึง ศาสตร์และศิลปะที่เกี่ยวข้องกับการดูแลและจัดการสุขภาพทั้งปวงของชุมชนโดยอิงตามการวิเคราะห์ด้านสุขภาพของประชากร คำว่า “สุขภาพนั้นมีนิยามและจัดการในลักษณะต่างๆ กันจากหน่วยงานต่างๆ สำหรับองค์การอนามัยโลก แห่งสหประชาชาติ ซึ่งได้กำหนดมาตรฐานและเฝ้าระวังโรคทั่วโลก ได้นิยามคำว่า สุขภาพ ไว้ว่า”สภาพของการมีชีวิตทางกายภาพ ทางจิตใจ และทางสังคมที่สมบูรณ์ ไม่ใช้เพียงไม่มีโรคภัยหรือความแข็งแรงทางกายเท่านั้น”
- การวิจัยทางสาธารณสุข หมายถึงอะไร
ตอบ หมายถึงการศึกษาค้นคว้า หาความรู้ หาวิธีการใหม่ๆ คิดค้นเทคโนโลยี ที่เหมาะสมและมีประสิทธิภาพ ในการป้องกัน รักษาโรค รวมทั้งในการแก้ไขปัญหาต่างๆ ในการปฏิบัติงานทางสาธารณสุข เพื่อให้ประชาชนมีสุขภาพอนามัยที่ดี สามารถประกอบอาชีพ และดำรงชีวิตประจำวันได้อย่างปกติสุข
- จงอธิบายคุณลักษณะของการวิจัย
ตอบ คุณลักษณะของการวิจัย ได้แก่
- เป็นการศึกษาค้นคว้าหาข้อเท็จจริงภายในขอบเขตที่กำหนดไว้
- เป็นการศึกษาอย่างมีระเบียบแบบแผนตามวิธีการทางวิทยาศาสตร์ สามารถพิสูจน์ได้ อธิบายตามหลักตรรกศาสตร์(ความเป็นเหตุเป็นผล) ได้
- รูปแบบการวิจัยทางสาธารณสุข มีกี่รูปแบบ อะไรบ้าง
ตอบ 3 รูปแบบ ได้แก่
- การวิจัยจำแนกตามประโยชน์ที่จะได้รับจากการวิจัย
- การวิจัยจำแนกตามจุดมุ่งหมายหลักของการวิจัย
- การวิจัยจำแนกตามการบวนการเก็บข้อมูล
- การวิจัยจำแนกตามประโยชน์ที่จะได้รับจากการวิจัยมีกี่ประเภท อะไรบ้าง
ตอบ มี 2 ประเภท ได้แก่
- การวิจัยพื้นฐาน(Basic Research) หรือการแบบบริสุทธิ์ (Pure Research) เป็นการวิจัยที่แสวงหาข้อเท็จจริงหรือความสัมพันธ์สัมพันธ์ระหว่างข้อเท็จจริงกับปรากฏการณ์ที่ศึกษา เพื่อนำไปใช้ทดสอบหรือสร้างทฤษฎีในการอธิบายปรากฏการณ์ การวิจัยแบบนี้เป็นประโยชน์ต่อการเพิ่มพูนความรู้ทางวิชาการในศาสตร์สาขาวิชาใดวิชาหนึ่ง โดยเฉพาะ รวมทั้งเป็นข้อมูลสำหรับใช้ในการวิจัยขั้นต่อ ๆ ไป
2 การวิจัยประยุกต์ (Applied Research) เป็นการวิจัยที่แสวงหาข้อเท็จจริงหรือความสัมพันธ์ระหว่างข้อเท็จจริง โดยมุ่งที่จะนำผลการวิจัยนั้นไปใช้ให้เป็นประโยชน์ในการแก้ปัญหาการตัดสินใจเพื่อพัฒนาโครงการหรือวิธีการต่าง ๆ หรือเพื่อประเมินผลโครงการที่ทำไปแล้ว การวิจัยแบบนี้จึงเน้นความสำคัญที่ว่าจะสามารถนำผลการวิจัยนั้นไปประยุกต์ใช้ได้ หรือเป็นประโยชน์ต่อผู้ใดหรือหน่วยงานใด
- การวิจัยจำแนกตามจุดมุ่งหมายหลักของการวิจัย มีกี่ประเภท อะไรบ้าง
ตอบ มี 4 ประเภท ได้แก่
- การวิจัยเพื่อค้นหาข้อมูลเบื้องต้น(Exploratory Research) เป็นลักษณะของการวิจัยเพื่อหาข้อมูลพื้นฐาน ข้อเท็จจริง หรือรายละเอียดของเหตุการณ์บางอย่าง โดยใช้ผลการวิจัยนี้เป็นข้อมูลในการตั้งสมมติฐาน หรือใช้เป็นกรอบการวางแผนการวิจัยในเรื่องที่เกี่ยวข้องต่อไป
- การวิจัยเชิงพรรณนา(Descriptive Research) เป็นงานวิจัยที่มีลักษณะเป็นการบรรยายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่าเป็นอย่างไร มีสภาพ คุณลักษณะ คุสมบัติ ตลอดจนรายละเอียดของเหตุการณ์
3.การวิจัยเชิงอรรถาธิบาย (Explanatory Research or Analytical Research) เป็นการวิจัยที่มีจุดมุ่งหมายในการวิเคราะห์หาสาเหตุและผลในการเกิดเหตุการณ์ใด ๆ
- การวิจัยเชิงคาดการณ์(Predictive Research) การวิจัยเชิงคาดการณ์เป็นชนิดหนึ่งของการวิจัยเชิงอรรถาธิบาย แต่มีจุดมุ่งหมายเน้นเฉพาะการคาดการณ์ หรือทำนายเหตุการณ์อย่างใดอย่างหนึ่งที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต โดยอาศัยข้อมูลทั้งหมดในอดีตและปัจจุบัน รวมทั้งทฤษฎีที่เกี่ยวข้องด้วย เป็นกรอบในการคาดการณ์
- วิจัยจำแนกตามการบวนการเก็บข้อมูล มีกี่ประเภท อะไรบ้าง
ตอบ 3 ประเภท ได้แก่
- วิจัยเชิงคุณภาพ
- วิจัยเชิงปริมาณ
- Survey, Experiment, PAR (Parcipatory access research), OR (Operational research)

- จงอธิบายขั้นตอนในการวิจัย
ตอบ ขั้นตอนการวิจัย มีดังนี้คือ
- การเลือกเรื่องและการกำหนดปัญหาการวิจัยถือว่าเป็นกิจกรรมที่มักจะทำพร้อม ๆ กันไปการเลือกเรื่องเป็นการหาปัญหาในลักษณะกว้างๆ ที่ผู้วิจัยพิจารณาเห็นว่ามีความสำคัญ น่าสนใจที่จะศึกษาค้นคว้าหาคำตอบ เช่น การใช้สารเสพติดในผู้ใช้แรงงาน ภาวะทุพโภชนาการของเด็กไทย หรืออัตราการตายของทารกไทย เป็นต้น การกำหนดปัญหาในการทำวิจัยจำเป็นต้องอาศัยข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับปัญหาวิจัยมาประกอบในการพิจารณาร่วมกับแนวคิดทฤษฎีต่างๆ ด้วย และวางขอบเขตและสร้างแนวคิด จนได้ข้อสรุปว่า อะไรคือปัญหา สำคัญมากน้อยเพียงใด ขอบเขตลึกซึ้งเพียงใด
- การทบทวนเอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องโดยการสังเคราะห์ เพื่อให้ได้ความรู้ มาสร้างกรอบแนวคิด ทางการวิจัย
- กำหนดกรอบทฤษฎีควรเป็นขั้นตอนที่เกิดจากการอ่านเอกสาร ทฤษฎี และงานวิจัยต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะนำมาใช้ในงานวิจัยได้อย่างเหมาะสมกับปัญหาที่ศึกษา การวางกรอบทฤษฎี จะทำให้ทราบถึงชนิดของตัวแปร จำนวนตัวแปร ที่เกี่ยวข้องกับการศึกษา รวมทั้ง ทิศทางความสัมพันธ์ของตัวแปร เพื่อใช้ในการสร้างเครื่องมือวัดตัวแปรต่อไป
- การตั้งสมมติฐานเป็นข้อความที่แสดงถึงการคาดการณ์ถึงผลการวิจัยที่จะได้รับ การตั้งสมมติฐานควรจะเป็นขั้นตอนที่ผู้วิจัยได้ทบทวนวรรณกรรม ที่เกี่ยวข้องมาแล้วอย่างรอบคอบ ครบถ้วนเพียงพอที่จะตั้งสมมติฐาน ซึ่งควรจะดำเนินการก่อนการเก็บรวบรวมข้อมูล
- การกำหนดตัวแปรเป็นการอธิบายรายละเอียดชนิดของตัวแปรสำคัญทั้งหมดของการวิจัยว่าเป็นตัวแปรอิสระ หรือตัวแปรตาม หรือตัวแปรควบคุม การให้ความหมายของตัวแปรเป็นความสำคัญ ซึ่งการให้ความหมายมี 2 รูปแบบ คือการกำหนดนิยามทั่วไป และการกำหนดนิยามปฏิบัติการ
- การวางรูปแบบการวิจัยเป็นการกำหนดรูปแบบการวิจัยที่เหมาะสมต่อการตอบคำถามวิจัย ซึ่งรูปแบบการวิจัย มีหลายรูปแบบ เช่นการศึกษาภาคตัดขวาง การศึกษาแบบระยะยาว การศึกษาเชิงทดลองการศึกษาแบบกลุ่มผู้ป่วย และกลุ่มเปรียบเทียบ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์การวิจัยว่ารูปแบบการวิจัยใดที่สามารถตอบสนองต่อวัตถุประสงค์การวิจัยนั้นๆ ได้
- การเตรียมเครื่องมือการวิจัยหมายถึงเครื่องมือ หรืออุปกรณ์ที่ใช้ในการรวบรวมข้อมูล
- การกำหนดกลุ่มประชากรและการเลือกตัวอย่างการกำหนดกลุ่มประชากรจะสอดคล้องกับวัตถุประสงค์การวิจัย ประชากรที่เลือกศึกษานั้น สามารถตอบคำถามการวิจัย ตอบวัตถุประสงค์ได้หรือไม่ การเลือกกลุ่มตัวอย่าง มีหลายรูปแบบทั้งการสุ่มแบบง่าย การสุ่มแบบมีระบบ การสุ่มแบบเป็นชั้นภูมิ การสุ่มแบบแบ่งกลุ่ม การสุ่มแบบหลายขั้นตอน
- การเก็บรวบรวมข้อมูล
- การเตรียมข้อมูลเพื่อการวิเคราะห์ควรมีการสร้าง code sheet เพื่อเป็นคู่มือไว้ใช้สำหรับ การลงรหัสข้อมูล เพื่อป้องกันการผิดพลาด
- การวิเคราะห์ข้อมูลสามารถวิเคราะห์ไดหลายรูปแบบ ตามโปรแกรมทางสถิติที่มีอยู่มากมาย แต่ความสำคัญคือ การกำหนดชนิดของสถิติที่จะใช้ในการวิเคราะหืข้อมูล ต้องสอดคล้อง กับชนิดของข้อมูลและวัตถุประสงค์การวิจัย เช่นการเปรียบเทียบสัดส่วนของสองกลุ่มตัวอย่าง ก้ใช้ chi-square test ในการเปรียบเทียบ ซึ่งรูปแบบของสถิติจะต้องกำหนดไว้ตั้งแต่ก่อนการเก็บรวบรวมข้อมูล
- การแปลผลการวิเคราะห์ข้อมูล
- การเขียนรายงานการวิจัย
- การเลือกเรื่องและการกำหนดปัญหาการวิจัยมีวิธีการอย่างไร
ตอบ การเลือกเรื่องและการกำหนดปัญหาการวิจัยมีวิธีการ ดังนี้คือ
- สนใจ เป็นความสนใจของผู้วิจัย ดังนั้นผู้วิจัยควรมีความรู้ และมีความใกล้ชิดกับปัญหาที่ต้องการศึกษา
- สำคัญของปัญหาการวิจัย ซึ่งเป็นที่สนใจในระดับประเทศ จังหวัด หรือประชาคมโลก ซึ่งจะประเมินได้จากขนาดของปัญหา ความรุนแรงของปัญหา ผลกระทบของปัญหานั้นๆ ผู้วิจัยจำเป็นต้องมีการรวบรวมข้อมูลต่างๆ เพื่อบ่งชี้ความสำคัญของปัญหา
- สามารถทำได้ โดยพิจารณาจากความยากง่ายของการเก็บรวบรวมข้อมูล การเข้าถึงประชากรและตัวอย่าง เทคนิคการวัดในสิ่งที่ต้องการศึกษา งบประมาณ ระยะเวลา กำลังคม และอุปกรณ์ต่างๆ ที่ต้องใช้ในการวิจัยทฤษฎีรองรับกับปัญหาที่ต้องการศึกษา
- ไม่ซ้ำซ้อนกับเรื่องที่ทำมาแล้ว ทั้งปัญหา สถานที่ เวลา และวิธีการ
- จงอธิบายการเขียนชื่อเรื่องในการวิจัย
ตอบ การเขียนชื่อเรื่องในการวิจัย มีวิธีการดังนี้ คือ
- ชื่อเรื่องเป็นภาษาที่ง่าย กะทัดรัด ครอบคลุมเนื้อหาทั้งหมด
- ชื่อเรื่องสามารถบอกได้ว่า ทำอะไร กับใคร(ที่ใหน เมื่อไร)
- ชื่อเรื่องไม่ยาวและไม่สั้นจนเกินไป
- ไม่ใช้คำย่อ
- ใช้คำนาม เช่น ขึ้นต้นด้วย“การ” “ความ”
- การวิจัยทางสาธารณสุข แบ่งออกเป็นกี่ประเภท อะไรบ้าง
ตอบ 2 ประเภท ได้แก่
การวิจัยทางสาธารณสุขโดยทั่วไป และประเภทของแผนงานวิจัยเพื่อพัฒนาการแพทย์และการสาธารณสุข
- การวิจัยทางสาธารณสุขโดยทั่วไป มีกี่ประเภท อะไรบ้าง จงอธิบาย
ตอบ แบ่งออกเป็น 5 ประเภท คือ
- การวิจัยทางชีวการแพทย์ เป็นการวิจัยที่มุ่งเน้นไปที่ปัญหาสุขภาพอนามัยส่วนบุคคลและปัญหาสาธารณสุขทั้งในแง่การป้องกันโรคและการบำบัดโรค ตลอดจนปัญหาทางสังคมและจิตวิทยา ที่มีความสัมพันธ์กับปัญหาสุขภาพอนามัย
- การวิจัยทางคลินิก เป็นการวิจัยที่เกี่ยวกับผู้ป่วย และโรคของผู้ป่วย ซึ่งมักจะทำในโรงพยาบาลหรือคลินิกเฉพาะโรค
3.. การวิจัยระบบสาธารณสุข เป็นการศึกษาวิเคราะห์ระบบโครงสร้างสาธารณสุขเริ่มตั้งแต่การสาธารณสุขมูลฐาน การประสานงาน ระบบส่งต่อ ตลอดจนความร่วมมือของหน่วยงานและชุมชน ซึ่งนำไปสู่การได้มาซึ่งวิธีที่ดีที่สุดในการดำเนินการเพื่อการสาธารณสุขที่เหมาะสม
4.. การวิจัยระบบบริการสาธารณสุข เป็นการศึกษาค้นคว้าหาวิธีการปฏิบัติที่มีประสิทธิภาพโดยการนำเอาความรู้ทางชีวการแพทย์ไปใช้ให้สอดคล้องกับสังคมวัฒนธรรมและการเมือง
5.. การวิจัยการบริหารสาธารณสุข เป็นการวิจัยที่เกี่ยวกับงานบริหารสาธารณสุข การจัดการในองค์กรสาธารณสุข การบริหารบุคคลในองค์กร การวิเคราะห์งบประมาณ การประเมินแผนงานสาธารณสุข เป็นต้น
