

นี่คือแนวคิดให้การคมนาคมแบบใหม่ที่ "อีลอน มัสก์ (Elon Musk)" เศรษฐีนักลงทุนชาวอเมริกันได้คิดขึ้น จะทำให้สามารถวิ่งได้เร็วได้สูงสุดถึง 1,150 กม.ต่อชม. ภายในท่อที่ควบคุมความดัน ประหยัดเวลาและพลังงานกว่าการเดินทางแบบอื่นๆ
แล้วยังไงละ.... คือ ผมคิดว่ามันจะดีกว่าไหม หากประเทศไทยจะปฏิรูปไปใช้ ไฮเปอร์ลูป เสียเลยซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ล้ำหน้ามากๆ แทนที่จะปฏิรูปรถไฟความเร็วต่ำ ไปสู่ รถไฟความเร็วปานกลาง ซึ่งเป็นเทคโนโลยีตามหลังญี่ปุ่น 100 ปี มาดูข้อดีของ "ไฮเปอร์ลูป" ที่ผมอาจแปลเป็นไทยได้ว่า "ท่อยิ่งยวด"
1. เร็วกว่า : การเดินทางในท่อที่เกือบสุญญากาศ ทำให้แรงเสียดทานลดลงมาก จึงสามารถทำความเร็วได้สูงสุดถึง 1,150 กม.ต่อชม. ซึ่งเร็วกว่าเครื่องบินที่ 900 กม.ต่อ ชม. และ เร็วกว่าสุดยอดของระบบรางของญี่ปุ่นที่ใช้พลังงานแม่เหล็กไฟฟ้ายกรถไฟให้ลอยอยู่เหนือราง หรือที่เรียกว่า Maglev ที่ความเร็วเกือบ 600 กม.ต่อชม.ถึง 2 เท่า และ เร็วกว่ารถไฟความเร็วสูงของจีนที่วิ่งราว 300 กม.ต่อชม.ถึง 4 เท่าตัว
และ แน่นอนวิ่งเร็วกว่า รถไฟความเร็วปานกลางตามแผนที่วางไว้ 150 กม.ต่อ ชม.ถึง 8 เท่าตัว
2. ถูกกว่า : เนื่องจากเป็นเทคโนโลยีใหม่ ประยุกต์มาจาก "ท่อส่งเอกสาร" จึงไม่ต้องมีการวางรางเหล็ก ระบบสัญญาณ และ สายไฟฟ้าเลย ต้นทุนการก่อสร้างมีการประเมินว่าน่าจะลดลงได้ครึ่งหนึ่ง จาก 600 ล้านบาทต่อ กม. ของรถไฟความเร็วสูง เหลือเพียง 300 ล้านบาทต่อกม. เท่านั้นเอง
3. ประหยัดกว่า : มีการวางแผงโซลาร์เซลล์ไปด้านบนท่อ ดังนั้น การเดินทางนี้ไม่ต้องใช้พลังงานไฟฟ้าจำนวนมากเหมือนรถไฟความเร็วสูง เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างมาก ค่าก่อสร้างก็ถูกดังนั้น มีการประเมินว่า ค่าโดยสารจะอยู่ที่ราว 1 บาทต่อ กม. หรือพอๆ กับรถทัวร์ในปัจจุบันนั่นเอง ซึ่งต่ำกว่า ค่าโดยสารรถไฟความเร็วสูงที่ประเมินกันไว้ถึง 2.5 เท่า
แคปซูลของไฮเปอร์ลูป จะบรรจุผู้โดยสารได้ 28 คน และ อาจออกได้ทุกๆ 2 นาที จึงขนส่งผู้คนและสินค้าได้จำนวนมาก โดยแทบไม่มีต้นทุนพลังงาน เป็นการเปลี่ยนจาก "ระบบราง" ไปสู่ "ระบบท่อ"
| หน้าที่เข้าชม | 2,112,142 ครั้ง |
| ผู้ชมทั้งหมด | 1,481,485 ครั้ง |
| เปิดร้าน | 30 ก.ค. 2557 |
| ร้านค้าอัพเดท | 22 ต.ค. 2568 |
ศูนย์รวมหนังสือสอบราชการ