

ข้อสอบ รวมชุดที่ 5 (ปราบปราม)
1. สำนักงานตำรวจแห่งชาติมีหน้าที่ส่งเสริมให้ท้องถิ่นและชุมชน มีส่วนร่วมในกิจการตำรวจเพื่อป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดทางอาญา รักษาความสงบเรียบร้อยและรักษาความปลอดภัยของประชาชนตามความเหมาะสม และความต้องการของแต่ละพื้นที่ ทั้งนี้ การดำเนินการมีส่วนร่วมให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่.........กำหนด
ก. ก.ต.ช. ข. ก.ตร. ค. กฎกระทรวง ง. พระราชกฤษฎีกา
2. ข้าราชการตำรวจตำแหน่งใดหรือปฏิบัติหน้าที่ใด จะเป็นข้าราชการตำรวจประเภทไม่มียศให้ตราเป็น
ก. ก.ต.ช. ข. ก.ตร. ค. กฎกระทรวง ง. พระราชกฤษฎีกา
3. สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีส่วนราชการอะไรบ้าง
ก. สำนักงานผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และ กองบัญชาการ
ข. สำนักงานผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ , กองบัญชาการ และ กองบังคับการ
ค. สำนักงานผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ , กองบัญชาการ , กองบังคับการ และ กองกำกับการ
ง. สำนักงานผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ , กองบัญชาการ กองบังคับการ , กองกำกับการ และ สถานีตำรวจ
4. การแบ่งส่วนราชการและกำหนดอำนาจหน้าที่ตามข้อ 3 ให้ตราเป็น
ก. พระราชกำหนด ข. พระราชกฤษฎีกา ค. กฎกระทรวง ง. ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี
5. ผู้บังคับบัญชาข้าราชการตำรวจในสำนักงานตำรวจแห่งชาติรองจากนายกรัฐมนตรี หมายถึงผู้ใด
ก. รองนายกรัฐมนตรีที่ได้รับมอบหมาย ข. รัฐมนตรีที่ได้รับมอบหมาย
ค. ผบ.ตร. ง. ถูกเฉพาะข้อ ก. และ ข้อ ข.
6. ผู้ใดเป็นประธานคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ และเป็นประธานกรรมการข้าราชการตำรวจ
ก. นายกรัฐมนตรี และ ผบ.ตร. ตามลำดับ ข. นายกรัฐมนตรี
ค. ผบ.ตร. และ นายกรัฐมนตรี ตามลำดับ ง. ผบ.ตร.
7. การประกาศรายชื่อกรรมการข้าราชการตำรวจผู้ทรงคุณวุฒิในกฎหมายกำหนดให้ผู้ใดเป็นผู้ประกาศและประกาศในเอกสารใด
ก. นายกรัฐมนตรีเป็นผู้ประกาศ และประกาศในระเบียบ ก.ต.ช.
ข. นายกรัฐมนตรีเป็นผู้ประกาศ และประกาศใน กฎ ก.ตร.
ค. นายกรัฐมนตรีเป็นผู้ประกาศ และประกาศในราชกิจจานุเบกษา
ง. นายกรัฐมนตรีเป็นผู้ประกาศ และประกาศในสำนักนายกรัฐมนตรี
8. ข้อใด ไม่ใช่ อำนาจหน้าที่ของ ก.ตร. ในการออกกฎ ก.ตร.
ก. ออกระเบียบ ข้อบังคับ ข้อกำหนด ประกาศ หรือมีมติเกี่ยวกับการบริหารงานบุคคล
ข. ออกระเบียบให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติรายงานเกี่ยวกับการสอบ การบรรจุ การแต่งตั้ง การเลื่อนขั้นเงินเดือน การดำเนินการทางวินัย การออกจากราชการ
ค. ออกระเบียบให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติรายงานเกี่ยวกับการปฏิบัติการอื่นเกี่ยวกับการบริหารงานบุคคล
ง. ออกระเบียบให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติรายงานเกี่ยวกับการจ่ายสินบนนำจับ
9. ร.ต.ท.สมชายฯ ได้รับแจ้งจากสำนักงานทะเบียนพล ตร.ว่า ตนเองจะเกษียณอายุราชการในวันที่ 30 ก.ย.2550 จึงได้ตรวจสอบสมุดประวัติแบบ กพ.7 ของตนพบว่า จนท.ผู้บันทึกประวัติได้กรอกข้อมูลคลาดเคลื่อน โดยความจริงแล้วตนเองเกิดเมื่อวันที่ 2 ก.ย.2501 จะต้องเกษียณอายุราชการในวันที่ 30 ก.ย.2551 จึงได้ยื่นคำร้องขอแก้ทะเบียนประวัติของตนต่อ ผบช.กำลังพล ตร. ซึ่งก็ตรวจสอบแล้วพบว่าคลาดเคลื่อนจริง ผบช.กำลังพล ตร. จึงได้สั่งการให้ จนท.กำลังพลทำการแก้ไขข้อมูลให้ถูกต้องตามความเป็นจริง ขอทราบว่า ผบช.กำลังพล มีอำนาจในการสั่งแก้ไขหรือไม่
ก. สั่งแก้ไขได้ เพราะเป็นข้อผิดพลาดจากการกระทำของเจ้าหน้าที่
ข. สั่งแก้ไขได้ ถ้าได้รับความเห็นชอบจาก ผบ.ตร.หรือผู้รักษาราชการแทน
ค. สั่งแก้ไขไม่ได้ เพราะเป็นอำนาจของ ก.ต.ช. ง. สั่งแก้ไขไม่ได้ เพราะเป็นอำนาจของ ก.ตร.
10. กฎ ก.ตร. มีผลใช้บังคับเมื่อใด
ก. เมื่อประกาศในราชกิจจานุเบกษา ข. เมื่อพ้น 10 วันนับแต่ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา
ค. เมื่อพ้น 15 วันนับแต่ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ง. เมื่อพ้น 30 วันนับแต่ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา
11. นายสดทำพินัยกรรมยกทรัพย์สินให้นางสาวสวย โดยมอบพินัยกรรมให้พระภิกษุสินเก็บรักษาไว้ ต่อมานายสดตาย นายใสมาขอรับพินัยกรรมดังกล่าวไปจากพระภิกษุสิน แต่ไม่ยอมนำออกมาเปิดเผย เพื่อมิให้นางสาวสวยได้รับมรดกตามพินัยกรรมของนายสด เมื่อนางสาวสวยขอพินัยกรรมจากนายใส นายใสก็ไม่ยอมให้ดู นางสาวสวยจึงไปแจ้งความที่สถานีตำรวจ ร้อยตำรวจโทก้องพนักงานสอบสวนมาสอบถามนายใสที่บ้านถึงเรื่องพินัยกรรม นายใสโกรธจึงพูดว่า “ตำรวจไม่มีความหมายสำหรับกู อยากจับก็มาจับเลยในเมื่อกูไม่ได้กระทำผิด” ให้วินิจฉัยว่า นายใสจะมีความผิดฐานใด
ก. นายใสมีความผิดฐานเอาไปเสียซึ่งพินัยกรรมโดยประการน่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น ตาม ปอ.มาตรา 188
ข. นายใสมีความผิดฐานดูหมิ่นเจ้าพนักงาน
ค. นายใสมีความผิดฐานเอาไปเสียซึ่งพินัยกรรมโดยประการน่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น ตาม ปอ.มาตรา 188 และดูหมิ่นเจ้าพนักงาน
ง. นายใสไม่มีความผิดฐานใด
12. สิบตำรวจตรีสมพรออกตรวจท้องที่โดยมีนายจองคนว่างงานขอตามไปด้วย ระหว่างทางพบนายไวแบกเลื่อยยนต์ผ่านมา สิบตรวจตรีสมพรอยากได้จึงแกล้งกล่าวหานายไวว่ากระทำผิดต่อพระราชบัญญัติป่าไม้ฯ ซึ่งไม่เป็นความจริง แล้วขอยึดเลื่อยยนต์ นายไวไม่ยอม นายจองจึงบอกนายไวว่าตนเองเป็นร้อยตำรวจเอกจอง หากไม่ยอมให้ยึดเลื่อยยนต์จะจับกุม นายไวจำยอมให้คนทั้งสองยึดเลื่อยยนต์ที่ตนได้มาโดยชอบไป สิบตำรวจตรีสมพรกับนายจองนำเลื่อยยนต์ไปขายเอาเงินมาแบ่งกัน ให้วินิจฉัยว่า สิบตำรวจตรีสมพรจะมีความผิดต่อเจ้าพนักงานและความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ฐานใดหรือไม่
ก. มีความผิดต่อเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตาม ปอ.มาตรา 157
ข. มีความผิดต่อเจ้าพนักงานข่มขืนใจตาม ปอ.มาตรา 148
ค. มีความผิดต่อเจ้าพนักงานข่มขืนใจตามปอ.มาตรา148 และเจ้าพนักฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตาม ปอ.มาตรา 157
ง. มีความผิดต่อเจ้าพนักงานข่มขืนใจตาม ปอ.มาตรา 148 และเจ้าพนักงานเรียกรับเงินตาม ปอ.มาตรา 149
13. ตามข้อ 12. นายจองจะมีความผิดต่อเจ้าพนักงานและความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ฐานใดหรือไม่
ก. ผิดฐานสนับสนุนเจ้าพนักงาน , แสดงตนเป็นเจ้าพนักงานและใช้ยศโดยไม่มีสิทธิตาม ปอ.มาตรา 157 ,86 ,145 ,146
ข. ผิดฐานสนับสนุนเจ้าพนักงาน , แสดงตนเป็นเจ้าพนักงานและใช้ยศโดยไม่มีสิทธิตาม ปอ.มาตรา 148 ,86 ,145 ,146
ค. ผิดฐานสนับสนุนเจ้าพนักงาน , ใช้ยศโดยไม่มีสิทธิตาม ปอ.มาตรา 148,86 ,145 ,146
ง. ผิดฐานสนับสนุนเจ้าพนักงาน , แสดงตนเป็นเจ้าพนักงานตาม ปอ.มาตรา 148 ,86 ,145 ,146
14 ห้างหุ้นส่วนจำกัดว่องไวขนส่ง เป็นผู้รับขนส่งน้ำยางพาราของบริษัทร่ำรวย จำกัด ห้างหุ้นส่วนจำกัดว่องไวขนส่ง ได้ให้นายแสงลูกจ้างของตนขับรถยนต์บรรทุกไปรับน้ำยางพาราเต็มคันรถจากบริษัทร่ำรวยจำกัด เพื่อนำไปส่งที่ท่าเรือน้ำลึกมาบตาพุด ระหว่างทางนายแสงได้พบนายเดชซึงเป็นเพื่อน จึงชวนนายเดชร่วมกันขนเอาน้ำยางพาราดังกล่าวไปในระหว่างการขนส่งและนำไปจำหน่ายให้แก่บุคคลอื่น แล้วเอาเงินไปแบ่งปันกัน ให้วินิจฉัยว่า นายแสงจะมีความผิดฐานใด
ก. มีความผิดฐานลักทรัพย์ ตาม ปอ.มาตรา 334
ข. มีความผิดฐานร่วมกันลักทรัพย์ ตาม ปอ.มาตรา 335 (7) ,80
ค. มีความผิดฐานลักทรัพย์ของนายจ้าง ตาม ปอ.มาตรา 335 (11)
ง. ไม่มีข้อใดถูก
15 ตามข้อ 14 นายเดชจะมีความผิดฐานใด
ก. มีความผิดฐานลักทรัพย์ของนายจ้าง ตาม ปอ.มาตรา 335 (11)
ข. มีความผิดฐานร่วมกันลักทรัพย์ ตาม ปอ.มาตรา 335 (7) ,80
ค. มีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนนายแสงลักทรัพย์
ง. ไม่มีข้อใดถูก
16 นายดำกระทำความผิดฐานลักทรัพย์ ศาลพิพากษาถึงที่สุดให้ลงโทษจำคุกหกเดือนและปรับหนึ่งพันบาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้สองปี นายดำไม่มีเงินชำระค่าปรับจึงถูกกักขังแทนค่าปรับ ระหว่างที่ถูกกักขังแทนค่าปรับนายดำกระทำความผิดฐานทำร้ายร่างกายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295 จึงถูกฟ้องขอให้ลงโทษในความผิดดังกล่าวและโจทก์มีคำขอให้เพิ่มโทษเพราะเป็นการกระทำความผิดอีก ทั้งขอให้นำโทษที่รอการลงโทษไว้ในคดีลักทรัพย์บวกเข้ากับโทษในคดีทำร้ายร่างกาย และขอให้เปลี่ยนการกักขังแทนค่าปรับในความผิดฐานลักทรัพย์เป็นโทษจำคุกด้วย ถ้าศาลจะพิพากษาลงโทษจำคุกนายดำในความผิดฐานทำร้ายร่างกายมีกำหนดสี่เดือน ศาลจะสั่งให้เพิ่มโทษ บวกโทษที่รอและเปลี่ยนการกักขังแทนค่าปรับเป็นโทษจำคุกตามคำขอของโจทก์ได้หรือไม่
ก. ศาลจะสั่งให้เพิ่มโทษและเปลี่ยนการกักขังแทนค่าปรับเป็นโทษจำคุกตามคำขอของโจทก์ไม่ได้ แต่บวกโทษที่รอได้
ข. ศาลจะสั่งให้เพิ่มโทษและเปลี่ยนการกักขังแทนค่าปรับเป็นโทษจำคุกตามคำขอของโจทก์ได้ แต่บวกโทษที่รอไม่ได้
ค. ศาลจะสั่งให้เพิ่มโทษไม่ได้ แต่เปลี่ยนการกักข
| หน้าที่เข้าชม | 2,112,142 ครั้ง |
| ผู้ชมทั้งหมด | 1,481,485 ครั้ง |
| เปิดร้าน | 30 ก.ค. 2557 |
| ร้านค้าอัพเดท | 22 ต.ค. 2568 |
ศูนย์รวมหนังสือสอบราชการ