

ข้อสอบกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา
size="3">1) พนักงานอัยการเป็นโจทก์ฟ้องว่า จำเลยขับรถยนต์ชนผู้อื่นถึงแก่ความตายโดยประมาทขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291 ซึ่งมีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี จำเลยให้การรับสารภาพว่ากระทำผิดตามฟ้องจริง ศาลชั้นต้นสั่งให้พนักงานคุมประพฤติสืบเสาะข้อเท็จจริงเสนอ พนักงานคุมประพฤติสืบเสาะแล้วเสนอรายงานว่า ความจริง จำเลยไม่ได้ขับรถชนผู้ตาย ญาติของจำเลยเป็นคนขับแต่ได้ขอให้จำเลยรับผิดแทนดังนี้ ให้วินิจฉัยว่า ศาลชั้นต้นจะฟังข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในรายงานของพนักงานคุมประพฤติ แล้วพิพากษายกฟ้องทันทีได้หรือไม่ ( เนติ 54 )
ก. รายงานของพนักงานคุมประพฤติเพยานเป็นหลักฐาน ศาลจึงฟังข้อเท็จจริงเป็นยุติตามรายงานดังกล่าว แล้วพิพากษายกฟ้องโจทก์ทันทีได้
ข. รายงานของพนักงานคุมประพฤติมิใช่พยานหลักฐาน ศาลจะนำมาใช้เป็นหลักในการวินิจฉัยข้อเท็จจริงว่าจำเลยกระทำผิดหรือมิได้กระทำผิดไม่ได้ ศาลจึงฟังข้อเท็จจริงเป็นยุติตามรายงานดังกล่าว แล้วพิพากษายกฟ้องโจทก์ทันทีไม่ได้
ค. เป็นดุลพินิจของศาล ศาลจึงฟังข้อเท็จจริงเป็นยุติตามรายงานดังกล่าว แล้วพิพากษายกฟ้องโจทก์ทันทีได้
ง. ถูกเฉพาะข้อ ก. และ ข้อ ค
2) ศาลชั้นต้นจะถือข้อเท็จจริงเป็นยุติตามคำให้การรับสารภาพของจำเลย แล้วพิพากษาว่าจำเลยมีความผิด โดยไม่คำนึงถึงรายงานของพนักงานคุมประพฤติเลย ชอบหรือไม่ ( เนติ 54 )
ก. แม้จำเลยจะให้การรับสารภาพว่ากระทำผิดตามฟ้อง และข้อหานั้น กฎหมายมิได้กำหนดอัตราโทษอย่างต่ำไว้ให้จำคุกตั้งแต่ 5 ปี ขึ้นไปหรือโทษสถานที่หนักกว่านั้น ซึ่ง ป.วิ.อาญา มาตรา 176 วรรคหนึ่ง ให้อำนาจศาลที่จะพิพากษาทันทีโดยไม่ต้องสืบพยานหลักฐานต่อไปก็ได้ แต่ในคดีอาญาหากมีมูลกรณีให้เห็นว่าจำเลยจะมิใช่ผู้กระทำผิด ศาลก็ชอบที่จะให้มีการสืบพยานหลักฐานกันต่อไป
ข. จำเลยจะให้การรับสารภาพว่ากระทำผิดตามฟ้อง ศาลก็ชอบที่จะมีคำพิพากษา
ค. ศาลชอบที่จะให้มีการพิพากษาทุกกรณี
ง. ไม่มีข้อใดถูก
3) นายแดงลักแหวนเพชรของนายขาวไปจากบ้านพักที่อยู่ในท้องที่สถานีตำรวจภูธรอำเภอเมืองนครสวรรค์ แล้วขับรถยนต์หลบหนีไปทางจังหวัดกำแพงเพชร ร้อยตำรวจเอกสมศักดิ์ เจ้าพนักงานตำรวจสถานีตำรวจภูธรอำเภอเมืองกำแพงเพชรทราบเรื่องจึงได้ไปตั้งด่านเพื่อจับกุม แต่นายแดงรู้ตัวเสียก่อนได้ขับรถยนต์หลบหนีไปทางจังหวัดตาก ร้อยตำรวจเอกสมศักดิ์จับกุมนายแดงได้พร้อมแหวนเพชรของนายขาวที่นายแดงลักเอาไปที่อำเภอเมืองตาก จังหวัดตากนำส่งพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรอำเภอเมืองกำแพงเพชรทำการสอบสวนดำเนินคดี พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรอำเภอเมืองกำแพงเพชรทำการสอบสวนเสร็จ แล้วส่งสำนวนให้พนักงาน อัยการจังหวัดกำแพงเพชรดังนี้ ให้วินิจฉัยว่าพนักงานสอบสวนแห่งท้องที่ใดบ้างที่มีอำนาจสอบสวนคดีนี้ พนักงานสอบสวนแห่งท้องที่ใดเป็นพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบ ( เนติ 52 )
ก. พนักงานสอบสวนท้องที่อำเภอเมืองนครสวรรค์
ข. พนักงานสอบสวนท้องที่อำเภอเมืองกำแพงเพชร
ค. พนักงานสอบสวนท้องที่อำเภอเมืองตาก
ง. ถูกเฉพาะข้อ ก. และ ข้อ ค.
4) ตามข้อ 53 พนักงานอัยการจังหวัดกำแพงเพชรมีอำนาจฟ้องคดีนี้หรือไม่ ( เนติ 52 )
ก. มีอำนาจฟ้อง
ข. ไม่มีอำนาจฟ้อง
ค. มีอำนาจฟ้อง แต่ต้องได้รับความเห็นชอบจากอัยการสูงสุด
ง. ถูกเฉพาะข้อ ก. และ ข้อ ค.
5) นางสาวสวยเดินทางโดยเครื่องบินของบริษัทการบินไทย จำกัด ไปประเทศสิงคโปร์ ขณะที่เครื่องบินกำลังบินอยู่เหนือประเทศสิงคโปร์ นายหนุ่มซึ่งโดยสารอยู่ในเครื่องบินลำเดียวกันเสพสุรามึนเมา ได้กระทำอนาจารต่อนางสาวสวย เมื่อนางสาวสวยเดินทางกลับประเทศไทย ได้ไปร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรอำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา และต่อมาอัยการสูงสุดได้มอบหมายให้พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรอำเภอหาดใหญ่ทำการสอบสวนคดี แต่นางสาวสวยเห็นว่าพนักงานสอบสวนดำเนินคดีล่าช้า จึงประสงค์จะยื่นฟ้องคดีเอง ให้วินิจฉัยว่า นางสาวสวยจะยื่นฟ้องคดีด้วยตนเองได้หรือไม่ และจะยื่นฟ้องนายหนุ่มต่อศาลใดได้บ้าง ( เนติ 51 )
ก. ยื่นฟ้องได้ ที่ศาลจังหวัดสงขลา
ข. ยื่นฟ้องได้ ที่ศาลจังหวัดสงขลา
ค. ยื่นฟ้องไม่ได้
ง. ถูกเฉพาะข้อ ก. และ ข้อ ข.
6) พันตำรวจโทสนิท พนักงานสอบสวนทำการสอบสวนดำเนินคดีตามคำร้องทุกข์ของนายเสนอผู้เสียหาย ซึ่งกล่าวหาว่านายสนองผู้ต้องหากระทำการฉ้อโกงทรัพย์ของนายเสนอ ปลอมและใช้เอกสารสิทธิปลอม ระหว่างสอบสวนนายเสนอ และนายสนองได้ทำความตกลงด้วยวาจายอมเลิกคดีต่อกัน โดยนายสนองยินยอมผ่อนชำระค่าเสียหายเนื่องจากการะกระทำความผิดในคดีนี้ให้แก่นายเสนอเป็นสองงวด นายเสนอ และนายสนองได้มาแจ้งถึงความตกลงดังกล่าวให้พันตำรวจโทสนิท ทราบ ต่อมานายสนองไม่ได้ชำระเงินค่าเสียหายให้แก่นายเสนอตามที่ตกลงกันไว้ นายเสนอจึงขอให้พันตำรวจโทสนิท สอบสวนดำเนินคดีนี้แก่นายสนองต่อไป ให้วินิจฉัยว่า พันตำรวจโทสนิท จะมีอำนาจสอบสวนดำเนินคดีนี้แก่นายสนองต่อไปได้หรือไม่ ( เนติ 51 )
ก. สอบสวนได้ เพราะคดียังไม่ระงับ
ข. สอบสวนได้เฉพาะข้อหาปลอมและใช้เอกสารสิทธิปลอม
ค. สอบสวนไม่ได้ เฉพาะคดีระงับไปหมดแล้ว
ง. สอบสวนได้เฉพาะข้อหาฉ้อโกงทรัพย์
7) นางสายถูกนายกล้ายกยอกแหวนเพชรไปในเขตอำเภอเมืองนนทบุรี จังหวัดนนทบุรีจึงได้ไปร้องทุกข์เรื่องที่ตนถูกนายกล้ายักยอกทรัพย์ต่อสิบตำรวจตรีซื่อ ซึ่งเป็นตำรวจจราจร สถานีตำรวจภูธรอำเภอเมืองนนทบุรี ต่อมาอีกหนึ่งสัปดาห์ นางสายเห็นนายกล้าเดินเที่ยวอยู่ในห้างสรรพสินค้าในเขตบางเขน กรุงเทพมหานคร นางสายจึงแจ้งให้สิบตำรวจเอกตรง จับนายกล้า โดยแจ้งว่าได้ร้องทุกข์ไว้ตามระเบียบแล้ว สิบตำรวจเอกตรงจึงไปทำการจับกุมนายกล้าได้ในห้างสรรพสินค้าดังกล่าว แล้วควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรอำเภอเมืองนนทบุรี ในระหว่างที่นายกล้าถูกควบคุมตัวโดยพนักงานสอบสวน นายกล้าได้ยื่นคำร้องต่อศาลนนทบุรี ขอให้ปล่อยตัวโดยอ้างว่าคดีนี้เป็นคดีความผิดอันยอมความได้แต่มิได้มีการร้องทุกข์ ข้ออ้างของนายกล้ารับฟังได้หรือไม่( เนติ 51 )
ก. รับฟังได้ เพราะไม่ได้ร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน
ข. รับฟังได้ เพราะไม่ได้ร้องทุกข์กับนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่
ค. รับฟังไม่ได้ เพราะการร้องทุกข์จะร้องทุกข์กับตำรวจใดก็ได้ ง.ถูกเฉพาะข้อ ก. และ ข้อ ข.
8) ตามข้อ 57 หากนายกล้าต่อสู้ว่าสิบตำรวจเอกตรงทำการจับโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายเพราะไม่มีหมายจับและหมายค้น ให้วินิจฉัยว่า ข้ออ้างของนายกล้ารับฟังได้หรือไม่( เนติ 51 )
ก. รับฟังได้ เพราะการจับกุมต้องมีหมายหรือคำสั่งจากศาล
ข. รับฟังได้ เพราะการจับกุมต้องมีหมายหรือคำสั่งจากนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่
ค. รับฟังไม่ได้ เพราะผู้เสียหายชี้ให้ทำการจับกุมได้
ง. ถูกเฉพาะข้อ ก. และ ข้อ ข.
9) นายแดงและนายขาวต่างเป็นโจทก์ฟ้องนายดำในความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน ศาลชั้นต้นสั่งรวมพิจารณาคดีทั้งสองเรื่องเข้าด้วยกัน หลังจากสืบพยานโจทก์นัดแรกไปแล้ว ในการสืบพยานโจทก์นัดต่อมา นายขาวและทนายของนายขาวมาศาล ส่วนนายแดงและทนายของนายแดงไม่มาโดยไม่แจ้งเหตุขัดข้อง ศาลชั้นต้นจึงมีคำสั่งในรายงานกระบวนพิจารณาให้ยกฟ้องคดีที่นายแดงเป็นโจทก์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 166 ประกอบมาตรา 181 นายแดงอุทธรณ์ว่า เมื่อศาลรวมพิจารณาคดีที่นายแดงเป็นโจทก์เข้ากับคดีที่นายขาวเป็นโจทก์ การฟังพยานหลักฐานตลอดจนการพิพากษาคดีต้องถือเป็นคดีเดียวกัน แม้ถึงวันนัดสืบพยาน โจทก์ทั้งสองจะมีแต่นายขาวและทนายของนายขาวมาศาลก็ตาม ต้องถือว่านายแดงมาศาลด้วย อีกทั้งมิใช่เป็นการนัดสืบพยานโจทก์นัดแรก การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกฟ้องในคดีที่นายแดงเป็นโจทก์ จึงเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ให้วินิจฉัยว่า อุทธรณ์ของนายแดงฟังขึ้นหรือไม่( เนติ 51 )
ก. ฟังไม่ขึ้น เพราะเป็นหน้าที่ของโจทก์ต้องมาศาลในวันนัดสืบพยานทุกนัด การรวมคดีก็เพื่อสะดวกในการพิจารณาและพิพากษาเท่านั้น
ข. ฟังขึ้น เพราะมีการรวมคดีและนายขาว ทนายความนายขาวโจทก์ก็มาศาลแล้ว
ค. ฟังขึ้น เพราะในดคอาญาโจทก์ไม่จำต้องมาศาลในวันนัดสืบพยานทุกนัด
ง. ไม่มีข้อใดถูก
10) พนักงานอัยการเป็นโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานมีลูกระเบิดขว้างชนิดสังหารไว้ในครอบครอง อันเป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมาย ฐานพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนและฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา จำเลยให้การปฏิเสธ ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า การกระทำของจำเลยเป็นความผิดกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบทให้ลงโทษประหารชีวิตอันเป็นบทหนัก จำเลยให้การรับสารภาพชั้นสอบสวนมีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสาม คงจำคุกจำเลยตลอดชีวิต จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าจำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ อีกกรรมหนึ่ง จำเลยฎีกาว่าไม่ได้กระทำผิด แต่หากศาลฎีกาเห็นว่าจำเลยกระทำผิด จำเลยก็ขอให้ศาลฎีกาลงโทษประหารชีวิตโดยไม่ต้องลดโทษให้แก่จำเลย เช่นนี้หากศาลฎีกาเห็นว่าจำเลยกระทำผิดจะพิพากษาลงโทษประหารชีวิตโดยไม่ลดโทษให้จำเลยได้หรือไม่( เนติ 51 )
ก. ได้ เพราะเป็นฎีกาให้เพิ่มโทษของจำเลยเอง
ข. ได้ เพราะอัตราโทษที่ฟ้องระบุถึง
ค. ไม่ได้ เพราะศาลอุทธรณ์ยืนตามศาลชั้นต้นแล้ว
ง. ไม่ได้ เพราะโจทก์ไม่ได้ฎีกาให้เพิ่มโทษ
11) พนักงานอัยการเป็นโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานพรากเด็กหญิงอายุยังไม่เกิน 15 ปี ไปเสียจากบิดามารดาเพื่อการอนาจาร ซึ่งความผิดดังกล่าวต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 5 ถึง 20 ปี จำเลยให้การรับสารภาพ ศาลชั้นต้นสืบพยานโจทก์ประกอบคำรับสารภาพของจำเลยแล้วพิพากษาว่า จำเลยกระทำผิดตามฟ้อง ลงโทษจำคุก 6 ปี จำเลยอุทธรณ์ว่า พยานหลักฐานโจทก์ยังรับฟังไม่ได้ว่าจำเลยกระทำผิดตามฟ้อง ศาลชั้นต้นสั่งรับอุทธรณ์ แต่ศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยอ้างว่า จำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้องแล้วให้วินิจฉัยว่า ที่ศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยเป็นการชอบด้วยกฎหมายหรือไม่( เนติ 51 )
ก. จำเลยมีสิทธิอุทธรณ์ เพราะเป็นอุทธรณ์ในข้อกฎหมาย อุทธรณ์ของจำเลยจึงชอบด้วยกฎหมาย
ข. จำเลยมีสิทธิอุทธรณ์ ดังนั้น อุทธรณ์ของจำเลยจึงชอบด้วยกฎหมาย
ค. จำเลยไม่มีสิทธิอุทธรณ์ ดังนั้น อุทธรณ์ของจำเลยจึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ง. จำเลยไม่มีสิทธิอุทธรณ์ เพราะเป็นอุทธรณ์ในข้อเท็จจริง
12) เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2542 พันตำรวจโทยุทธศักดิ์ พนักงานสอบสวนขอศาลออกหมายจับนางสมศรีในความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่น และได้สืบสวนจนทราบว่านางสมศรีอยู่ในบ้านของตนซึ่งตามสำเนาทะเบียนบ้านปรากฏชื่อนายสมศักดิ์สามีของนางสมศรีเป็นเจ้าบ้าน พันตำรวจโทยุทธศักดิ์ จึงมอบหมายให้พันตำรวจตรีทรงวุธนำกำลังตำรวจจำนวนหนึ่งไปขอค้นบ้านนายสมศักดิ์โดยไม่มีหมายค้น นายสมศักดิ์ไม่ยอมให้ค้น พันตำรวจตรีทรงวุธจึงแสดงหมายจับนางสมศรี และอ้างว่าตนเป็นพนักงานตำรวจชั้นผู้ใหญ่สามารถทำการค้นได้โดยไม่ต้องมีหมาย และขู่ว่าถ้านายสมศักดิ์ไม่ให้ความร่วมมือจะถูกดำเนินคดี นายสมศักดิ์จึงจำยอม และพันตำรวจตรีทรงวุธจึงจับกุมนางสมศรีได้ ให้วินิจฉัยว่าข้ออ้างของพันตำรวจตรีทรงวุธรับฟังได้หรือไม่ และการกระทำของพันตำรวจตรีทรงวุธชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ( เนติ 51 )
| หน้าที่เข้าชม | 2,112,142 ครั้ง |
| ผู้ชมทั้งหมด | 1,481,485 ครั้ง |
| เปิดร้าน | 30 ก.ค. 2557 |
| ร้านค้าอัพเดท | 22 ต.ค. 2568 |
ศูนย์รวมหนังสือสอบราชการ