QUOTE 

สรุป พระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2547

เจ้าของร้าน

 

 

สรุป พระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2547

   

 

 
 
พรบ.ตำรวจแห่งชาติ

ชื่อ.......................................................พระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ  พ.ศ. ๒๕๔๗
ให้ไว้ ณ วันที่......................................๑๓  มกราคม   ๒๕๔๗
เป็นปีที่................................................๕๙  ในรัชกาลปัจจุบัน
โดยคำแนะนำและยินยอมของ............รัฐสภา
วันใช้บังคับ.........................................ถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา
                                                            (ประกาศ  ๑๔  ก.พ.  ๒๕๔๗)
ยกเลิก..................................................กฎหมาย  ๑๗  ฉบับ
ข้าราชการตำรวจ.................................บุคคลซึ่งได้รับการบรรจุและแต่งตั้งตาม พรบ.นี้ โดยได้รับ                                                                    เงินเดือนจากเงินงบประมาณหมวดเงินเดือนใน สตช.  และหมายรวมถึงข้าราชการใน สตช. ซึ่ง สตช. แต่งตั้ง หรือสั่งให้ปฏิบัติหน้าที่ราชการตำรวจโดยได้รับเงินเดือนจากส่วนราชการ  รัฐวิสาหกิจ หรือหน่วยงานอื่นของรัฐ
ประธานกรรมการหมายถึง...................ประธาน ก.ต.ช.
กรรมการหมายถึง.................................ก.ต.ช.
กองทุนหมายถึง....................................กองทุนเพื่อการสืบสวนและสอบสวนคดีอาญา
กองบัญชาการ......................................รวมถึงส่วนราชการที่เรียกชื่ออย่างอื่นที่มีฐานะเทียบกอง         บัญชาการด้วย
กองบังคับการ...................................รวมถึงส่วนราชการที่เรียกชื่ออย่างอื่นที่มีฐานะเทียบกองบังคับการด้วย
ผู้รักษาการตาม พรบ.นี้........................นายกรัฐมนตรี
นายกรัฐมนตรี.....................................มีอำนาจออกกฎกระทรวง  เพื่อปฏิบัติตาม  พรบ.นี้
กฎกระทรวงที่ออกตาม  พรบ.นี้..........เมื่อประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว ให้ใช้บังคับได้

                              ลักษณะที่ ๑ บททั่วไป

สตช. อยู่ในบังคับบัญชาของ...............นายกรัฐมนตรี
สตช. มีอำนาจหน้าที่...........................
(๑)รักษา    
(๒)ดูแลควบคุม วิ อาญา    
(๓)ป้องกัน อาญา   
(๔)เรียบร้อย/ปลอดภัย/มั่นคง  
(๕)อื่น   
(๖)ช่วยเหลือ(นายก)   
(๗)ส่งเสริมสนับสนุน (๑),(๒),(๓),(๔),(๕)
การที่จะโอนอำนาจหน้าที่ตาม (๓) (๔) (๕) เฉพาะในส่วนที่เกี่ยวกับความผิดอาญา ให้เป็นอำนาจหน้าที่ของหน่วยงานอื่น.....................ให้ตราเป็น  พรฎ. และให้ถือว่า พนง.เจ้าหน้าที่ของหน่วยงานนั้นเป็นพนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจ  พงส.  ปค.หรือ ตร.ผู้ใหญ่  ตาม วิ อาญา
ให้ สตช. .............................................ส่งเสริมท้องถิ่นและชุมชนมีส่วนร่วม รปภ.ปชช. ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่  ก.ต.ช.  กำหนด
ให้แบ่งตำรวจเป็นประเภทที่ไม่มียศได้.............โดยให้ตราเป็น  พรฎ.
พรฏ.ที่เกี่ยวกับตำรวจไม่มียศ............................ไม่มีผลกระทบฐานะของตำรวจที่มียศอยู่แล้วในวันที่ พรฎ. มีผลบังคับใช้
วัน เวลาทำงาน วันหยุด การลาหยุด...................ให้เป็นไปตามที่คณะรัมนตรีกำหนด
ในกรณีที่จำเป็นเพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติหน้าที่..........ก.ต.ช. จะกำหนดให้แตกต่างไปจากที่คณะรัฐมนตรีกำหนดก็ได้
                                                     ลักษณะที่ ๒ การจัดระเบียบราชการใน สตช.

สตช. แบ่งส่วนราชการเป็น....................................
   (๑)  สนง.ผบ.ตร.   
   (๒) กองบัญชาการ
การแบ่งส่วนราชการตาม(๑) เป็นกองบัญชาการ หรือการจัดตั้งกองบัญชาการ........ให้ตราเป็น พรฎ.
การแบ่งส่วนราชการเป็นกองบังคับการหรือส่วนราชการอย่างอื่น...........ให้ออกเป็น กฎกระทรวง
หัวหน้าส่วนราชการ สตช. คือ....................ผบ.ตร.
ผบ.ตร.มีอำนาจหน้าที่.................................
   (๑)รับผิดชอบควบคุม ให้เป็นไปตามนโยบายและแนวทางที่ นายก และ ก.ต.ช. กำหนด   
   (๒)เป็นผู้บังคับบัญชาของ ตร.  รองจากนายก  
   (๓)รับผิดชอบ   
   (๔)วางระเบียบ ตาม กม.วิ หรือ กม.อื่น
ให้จเรตำรวจแห่งชาติ ,รอง ผบ.ตร. ,ผู้ช่วย ผบ.ตร..........เป็นผู้บังคับบัญชาข้าราชการตำรวจรองจาก ผบ.ตร. ตามที่ ผบ.ตร.กำหนดหรือมอบหมาย
ในกองบัญชาการ.........................ให้มีผู้บัญชาการเป็นผู้บังคับบัญชา และจะให้มี รอง ผบช.ก็ได้
ผู้บัญชาการมีอำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบ.............
   (๑)บริหารให้เป็นตามประกาศของทางราชการ /  ก.ต.ช.  /  ก.ตร.  และ  สตช.  
   (๒)ควบคุม ให้เป็นตามประกาศของทางราชการ /  ก.ต.ช.  /  ก.ตร.  และ  สตช.  
   (๓)เป็นผู้แทน ของ สตช.   
   (๔)รายงานผลการปฏิบัติต่อ ผบ.ตร.ทุก  ๔  เดือน หรือตามระยะที่  ผบ.ตร.กำหนด   
   (๕)หน้าที่อื่น ตาม กม. ระเบียบ บังคับ ประกาศของทางราชการ /  ก.ต.ช.  /  ก.ตร.  และ  สตช.
ในกรณีที่กฎหมาย ระเบียบ บังคับ คำสั่ง มติ ครม. กำหนดให้เป็นอำนาจของอธิบดี หรือผบ.ตร....................................ให้ผู้บัญชาการมีอำนาจเช่นนั้นในฐานะอธิบดี หรือ แทนผบ.ตร.ในส่วนกองบัญชาการ ตาม ก.ต.ช. กำหนด
ผู้บังคับการมีอำนาจและหน้าที่..............................
   (๑)บริหาร
   (๒)ควบคุม
   (๓)หน้าที่อื่น
ผู้บังคับการให้มีอำนาจสั่งการหรือยับยั้งการกระทำใดๆที่เห็นว่าไม่ชอบของข้าราชการตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่ในจังหวัดนั้นๆ.....................แล้วรายงาน สตช. และ บช. ตามหลักเกณฑ์ที่ สตช.กำหนด

ลักษณะที่ ๓ ก.ต.ช.

ก.ต.ช.มีอำนาจหน้าที่...........กำหนดนโยบายการบริหารราชการตำรวจ  และกำกับดูแล สตช. ให้ปฏิบัติตามนโยบาย ระเบียบ มติ ครม. และ กฎหมาย
ก.ต.ช. ประกอบด้วย...............
   (๑) นายกเป็นประธาน   รมต.มท.  รมต.ยธ.  ปลัด มท.  ปลัด ยธ. เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ และ ผบ.ตร. เป็นกรรมการโดยตำแหน่ง
   (๒) กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ  ๔  คน ซึ่งทรงโปรดเกล้าฯจากบุคคลซึ่งสรรหาโดยกรรมการตาม (๑)
เลขานุการ ก.ต.ช....................ให้ประธานแต่งตั้งข้าราชการตำรวจยศ   พล.ต.ท.  ขึ้นไปคนหนึ่ง  โดยคำแนะนำของ ผบ.ตร.
ผู้ช่วยเลขานุการ ก.ต.ช...................ให้ประธานแต่งตั้งข้าราชการตำรวจยศ  พล.ต.ต.ขึ้นไป ไม่เกิน ๒ คน โดยคำแนะนำของ ผบ.ตร.
หลักเกณฑ์และวิธีการสรรหากรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ตาม (๒)......ให้เป็นไปตามที่กำหนดในระเบียบ  ก.ต.ช.
รายชื่อ กรรมการ ก.ต.ช.ผู้ทรงคุณวุฒิ................ให้นายกประกาศในราชกิจจานุเบกษา
ให้ ก.ต.ช. มีอำนาจหน้าที่ดังต่อไปนี้ด้วย...................................
(๑)        ออกระเบียบ ให้เป็นไปตามที่ ก.ต.ช.  กำหนด (ประกาศในราชกิจจาฯ)
(๒)เสนอแนะให้มีการตรา  พรฏ.เรื่องการโอนอำนาจให้หน่วยงานอื่นปฏิบัติ
(๓)คัดเลือก เพื่อแต่งตั้ง  ผบ.ตร. ตามที่นายกเสนอ
(๔)กำหนดกระบวนการกระจายอำนาจ
(๕)แต่งตั้งคณะอนุกรรมการ
(๖)ตรวจสอบการปฏิบัติตามนโยบาย และให้มีคณะกรรมการตรวจสอบและติดตามการบริหารงานตำรวจ 
(๗)ปฏิบัติหน้าที่อื่น ตาม ครม.มอบหมาย หรือตามกฎหมายกำหนดไว้เป็นอำนาจหน้าที่
ของ  ก.ต.ช.
กรรมการ ก.ต.ช.ผู้ทรงคุณวุฒิต้องมี......................ความเชี่ยวชาญหรือประสบการณ์ในด้านกฎหมาย    การงบประมาณ   การพัฒนาองค์กร  หรือการบริหารและจัดการ
กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิต้องมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามดังนี้.................(ม.๒๐)
     (๑)มีสัญชาติไทยโดยกำเนิด
     (๒)มีอายุไม่ต่ำกว่า  ๔๐  ปี บริบูรณ์
     (๓)ไม่เป็น สส. สว. ข้าราชการการเมือง  สมาชิกสภาท้องถิ่น  ผู้บริหารท้องถิ่น ที่ปรึกษาข้าราชการการเมืองหรือที่ปรึกษา สส. หรือ สว.ไม่ว่าจะมีค่าตอบแทนหรือไม่
     (๔)ไม่มีตำแหน่งในพรรคการเมือง
     (๕)ไม่เป็นคนไร้ความสามมารถ เสมือนไร้ความสามารถ   วิกลจริต จิตฟั่นเฟือนไม่สมประกอบ
     (๖)ไม่เป็นคนล้มละลาย
     (๗)ไม่เคยได้รับโทษจำคุก เว้นแต่ประมาทหรือลหุโทษ
     (๘)ไม่เคยถูกลงโทษไล่ออก  ปลดออก  ให้ออกจากราชการ  หน่วยงานรัฐ  รัฐวิสาหกิจ
     (๙)ไม่เคยต้องคำพิพากษาให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดินเพราะร่ำรวยผิดปกติหรือเพิ่มขึ้นผิดปกติ
     (๑๐)ไม่เป็นกรรมการผู้จัดการ  ผู้จัดการ หรือดำรงตำแหน่งอื่นที่มีลักษณะคล้ายคลึงกันในห้างหุ้นส่วนหรือบริษัท
กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิมีวาระการดำรงตำแหน่ง......................คราวละ  ๔  ปี และอาจได้รับแต่งตั้งใหม่ได้แต่จะดำรงตำแหน่งเกิน  ๒  วาระติดต่อกันไม่ได้
กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิที่พ้นจากหน้าที่..................ให้ดำรงตำแหน่งต่อไปจนกว่ากรรมการผู้ทรงคุณวุฒิที่ได้รับสรรหาใหม่เข้ารับหน้าที่
นอกจากพ้นจากตำแหน่งตามวาระแล้วกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิพ้นจากตำแน่งเมื่อ......................
         (๑)ตาย
         (๒)มีอายุครบ  ๗๐  ปีบริบูรณ์
         (๓)ขากคุณสมบัติตาม  ม.๒๐
         (๔)ก.ต.ช. มีมติ ไม่น้อยกว่า ๒ ใน ๓ ของทั้งหมดให้พ้นจากตำแหน่ง เนื่องจากมีความประพฤติเสื่อมเสีย
กรรมการผู้ทรงฯพ้นจากตำแหน่งก่อนวาระให้ดำเนินการสรรหาเว้นแต่.........วาระการดำรงตำแหน่งจะเหลือไม่ถึง   ๙๐  วัน  ในกรณีนี้จะไม่ดำเนินการสรรหาก็ได้
กรรมการผู้ทรงฯ............................ให้ดำรงตำแหน่งแทนเพียงเท่าวาระที่เหลืออยู่ของผู้ซึ่งตนแทน
องค์ประชุม  ก.ต.ช...........................ต้องมีกรรมการมาประชุมไม่น้อยกว่า กึ่งหนึ่ง
ถ้าประธานไม่มาหรือไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้.........ให้กรรมการที่มาประชุมเลือกกรรมการคนหนึ่งเป็นประธาน
ประธานกรรมการและกรรมการโดยตำแหน่ง..........จะมอบหมายบุคคลใดให้มาประชุมแทนไม่ได้
ก.ต.ช.  มีอำนาจ..................ออกข้อบังคับว่าด้วยการประชุมและการลงมติ ก.ต.ช. /คณะอนุกรรมการ  /  กรรมการ

ลักษณะที่ ๔  ยศและชั้นข้าราชการตำรวจ

ยศตำรวจมี................................. ๑๔ ลำดับ  (ส.ต.ต.  ถึง  พล.ต.อ.)
ชั้นข้าราชการตำรวจมี................... ๓ ชั้น  (๑)สัญญาบัตร  (๒)ประทวน  (๓)พลตำรวจ
การแต่งตั้งยศตำรวจสัญญาบัตร..........เป็นไปตามหลักเกณฑ์วิธีการที่กำหนดในกฎ  ก.ตร.และให้ทำโดยประกาศพระบรมราชโองการ
การแต่งตั้งยศตำรวจสัญญาบัตรเป็นกรณีพิเศษ.................อาจกระทำได้โดยประกาศพระบรมราชโองการ
ในระหว่างที่ยังไม่มีประกาศพระบรมราชโองการแต่งตั้งยศสัญญาบัตรจะแต่งตั้งว่าที่ยศชั้นสัญญาบัตรเป็นการชั่วคราว โดยให้ผู้มีอำนาจต่อไปนี้แต่งตั้ง............................
     (๑) ว่าที่ยศ  ร.ต.ต.   ถึง   พ.ต.อ.   ให้    ผบ.ตร.  เป็นผู้แต่งตั้ง
     (๒) ว่าที่ยศ  พล.ต.ต.  ขึ้นไป        ให้   นายกรัฐมนตรีเป็นผู้แต่งตั้ง
การแต่งตั้งยศตำรวจชั้นประทวน....................ให้ ผบ.ตร.หรือ ผู้บังคับบัญชาระดับ ผบช.ขึ้นไป ซึ่งได้รับมอบหมายจาก  ผบ.ตร. เป็นผู้แต่งตั้ง ตามหลักเกณฑ์  ก.ตร.
การแต่งตั้งยศตำรวจชั้นประทวนเป็นกรณีพิเศษ..............................ให้  ผบ.ตร. เป็นผู้แต่งตั้ง ตามหลักเกณฑ์ ก.ตร.
การถอด หรือ การออกจากยศตำรวจชั้นสัญญาบัตร...........ให้เป็นไปตามระเบียบ  สตช. และโดยประกาศพระบรมราชโองการ
การให้ออกจากว่าที่ยศตำรวจชั้นสัญญาบัตร หรือการถอด หรือการออกจากยศตำรวจชั้นประทวน
ให้ผู้มีอำนาจต่อไปนี้............................
     (๑) ยศตำรวจชั้นประทวน            ให้    ผบ.ตร. หรือ  ผบช.  เป็นผู้สั่ง
     (๑) ว่าที่ยศ  ร.ต.ต.   ถึง   พ.ต.อ.   ให้    ผบ.ตร.  เป็นผู้สั่ง
    (๒) ว่าที่ยศ  พล.ต.ต.  ขึ้นไป        ให้   นายกรัฐมนตรีเป็นผู้สั่ง
    สั่งได้ตามระเบียบ  สตช.

ลักษณะที่ ๕  ก.ตร.

ก.ตร.ประกอบด้วย..................
    (๑) นายกรัฐมนตรีเป็นประธานกรรมการข้าราชการตำรวจ , เลขาธิการ ก.พ. , ผบ.ตร. , จเรตำรวจแห่งชาติ , รอง ผบ.ตร. เป็นกรรมการโดยตำแหน่ง
    (๒) กรรมการข้าราชการตำรวจผู้ทรงคุณวุฒิ ซึ่งโปรดเกล้าแต่งตั้ง จากผุ้ซึ่งได้รับคัดเลือก
ก.ตร.ผู้ทรงฯ ประกอบด้วย..................(มาตรา ๓๐ (๒)) 
    (ก) ผู้ที่เคยรับราชการเป็นตำรวจในตำแหน่ง ผบช. หรือเทียบเท่า ขึ้นไป จำนวน  ๕  คน แต่ต้องพ้นจากความเป็นข้าราชการตำรวจไปแล้วเกิน   ๑   ปี
    (ข) ผู้ซึ่งไม่เป็นข้าราชการตำรวจ  จำนวน  ๖  คน  ซึ่งมีความเชี่ยวชาญในสาขา  นิติศาสตร์  รัฐศาสตร์  เศรษฐศาสตร์ รัฐประศาสนศาสตร์  อาชญาวิทยา  และงานยุติธรรม หรือ สาขาอื่นตามที่  ก.ตร.กำหนด  สาขาละ ไม่เกิน  ๑  คน 
         เว้นแต่ถ้ามี รอง ผบ.ตร. เพิ่มขึ้น ก็ให้กรรมการผู้ทรงฯ เพิ่มขึ้นอีกตามจำนวนของ รอง ผบ.ตร.
         บุคคลซึ่งเคยเป็นตำรวจ หากพ้นจากความเป็นตำรวจ เกิน  ๑๐  ปี และอายุไม่เกิน  ๖๕  ปี อาจได้รับการสรรหาเป็น  ก.ตร.ผู้ทรงได้ แต่ต้องไม่เกิน  ๑  คน
ตำแหน่งเลขานุการ ก.ตร........................ผบช. สนง.ก.ตร.
ตำแหน่งผู้ช่วยเลขานุการ........................รอง ผบช. สนง.ก.ตร.
รายชื่อกรรมการ ก.ตร.ผู้ทรงฯ.................ให้นายกรัฐมนตรีประกาศในราชกิจจานุเบกษา
ก.ตร.มีอำนาจและหน้าที่..........................(ม.๓๑)
     (๑) กำหนดนโยบายและมาตรฐานการบริหารงานบุคคล
    (๒) ออกกฎ ก.ตร.
    (๓) กำกับดูแล และให้มีอำนาจออกระเบียบให้ สตช.รายงานเกี่ยวกับการสอบ การบรรจุ  การแต่งตั้ง การเลื่อนขั้นเงินเดือน การดำเนินการทางวินัย  การออกจากราชการ 
    (๔) รายงาน ครม.เพื่อพิจารณาปรับปรุงเงินเดือน เงินประจำตำแหน่ง เงินเพิ่มค่าครองชีพ

    (๕) กำหนดชั้นยศที่ควรบรรจุแต่งตั้งและอัตราเงินเดือนที่ควรได้รับ สำหรับวุฒิปริญญา
  (๖) กำหนดอัตราค่าธรรมเนียม
   (๗) พิจารณาอนุมัติแก้ไขทะเบียนประวัติเกี่ยวกับ วันเดือนปีเกิด และควบคุมการเกษียณอายุ
   (๘) ในกรณีที่เห็นว่าการปฏิบัติเกี่ยวกับการบริหารงานบุคคล  ของ  สตช. ไม่เหมาะสมหรือไม่เป็นไปตาม  พรบ.นี้  ให้มีมติสั่งให้  สตช.ปฏิบัติให้ถูกต้อง ถ้า สตช.ไม่ปฏิบัติตามให้รายงาน นายกรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาและสั่งต่อไป
   (๙) แต่งตั้งคณะอนุกรรมการ
   (๑๐)ปฏิบัติตามอำนาจหน้าที่ตาม พรบ.นี้ หรือกฎหมายอื่น
กฎ ก.ตร.บังคับได้ใช้เมื่อ.........................ประกาศในราชกิจจานุเบกษา
เพื่อความเป็นธรรมในการแต่งตั้งโยกย้ายให้ ก.ตร.ออกกฎกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการแต่งตั้ง 
กฎดังกล่าวมีผลบังคับใช้ได้เมื่อ.................... ๑๘๐ วันนับจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษา
กรรมการ ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิต้องมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามดังนี้.................(ม.๒๐)
     (๑)มีสัญชาติไทยโดยกำเนิด
     (๒)มีอายุไม่ต่ำกว่า  ๔๐  ปี บริบูรณ์
     (๓)ไม่เป็น สส. สว. ข้าราชการการเมือง  สมาชิกสภาท้องถิ่น  ผู้บริหารท้องถิ่น ที่ปรึกษาข้าราชการการเมืองหรือที่ปรึกษา สส. หรือ สว.ไม่ว่าจะมีค่าตอบแทนหรือไม่
     (๔)ไม่มีตำแหน่งในพรรคการเมือง
     (๕)ไม่เป็นคนไร้ความสามมารถ เสมือนไร้ความสามารถ   วิกลจริต จิตฟั่นเฟือนไม่สมประกอบ
     (๖)ไม่เป็นคนล้มละลาย
     (๗)ไม่เคยได้รับโทษจำคุก เว้นแต่ประมาทหรือลหุโทษ
     (๘)ไม่เคยถูกลงโทษไล่ออก  ปลดออก  ให้ออกจากราชการ  หน่วยงานรัฐ  รัฐวิสาหกิจ
     (๙)ไม่เคยต้องคำพิพากษาให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดินเพราะร่ำรวยผิดปกติหรือเพิ่มขึ้นผิดปกติ
     (๑๐)ไม่เป็นกรรมการผู้จัดการ  ผู้จัดการ หรือดำรงตำแหน่งอื่นที่มีลักษณะคล้ายคลึงกันในห้างหุ้นส่วนหรือบริษัท
ในกรณีที่มีปัญหาเกี่ยวกับคุณสมบัติของกรรมการผู้ทรงฯ...........ให้ ก.ตร. เป็นผู้วินิจฉัย
ก.ตร. จะเป็นกรรมการใน  ก.ต.ช. ในขณะเดียวกันไม่ได้.............. ยกเว้นนายก และ ผบ.ตร.
การเลือก ก.ตร.ผู้ทรงฯให้ดำเนินการ ดังนี้............................................
(๑  การเลือก กรรมการผู้ทรงฯ ตาม มาตรา ๓๐ (๒)(ก)(ผู้ซึ่งเคยรับราชการตำรวจในตำแหน่ง ผบช./เทียบเท่าขึ้นไป) ให้ ผกก. พงส.ผู้ทรงคุณวุฒิ หรือตำแหน่งเทียบเท่าเป็นผู้เลือก
(๒) การเลือก กรรมการผู้ทรงฯ ตาม มาตรา ๓๐ (๒)(ข)(ผู้ไม่เป็นข้าราขการตำรวจ) ให้ ก.ตร.โดยตำแหน่ง และ ก.ตร.ผู้ทรงตาม มาตรา ๓๐ (๒) (ก) เป็นผู้เลือก แล้วเสนอไปยัง ครม. เมื่อได้รับอนุมัติจาก ครม.แล้วให้นำความเพื่อโปรดเกล้าฯ พร้อมกับ ก.ตร.ผู้ทรงตามมาตรา ๓๐ (๒) (ก)
การเลือก ก.ตร.ตาม มาตรา ๓๐ (๒)(ก) ให้ประธาน ก.ตร.รับสมัคร แล้วจัดส่งบัญชีรายชื่อโดยเรียงตามลำดับตัวอักษรไปยังผู้มีสิทธิ์เลือกก่อนวันเลือกไม่น้อยกว่า.................๔๐  วัน
การเลือก ก.ตร.ตาม มาตรา ๓๐ (๒)(ก) ให้ผู้ที่ได้รับคะแนนมากตามลำดับเป็นผู้ได้รับเลือก ถ้ามีผู้ได้คะแนนเท่ากันจนเป็นเหตุให้สามารถเรียงลำดับผู้รับเลือกตามจำนวนได้..........................................
......ให้ประธาน ก.ตร.ทำการจับฉลาก
กรรมการ ก.ตร.ผู้ทรง ฯให้วาระการดำรงตำแหน่งได้คราวละ...........  ๔  ปี  วาระเดียว
ให้กรรมการ ก.ตร. ผู้ทรงฯซึ่งพ้นจากตำแหน่งตามวาระ.................... ปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจนกว่ากรรมการผู้ทรงฯ ที่ได้รับเลือกใหม่เข้ารับหน้าที่
นอกจากพ้นจากตำแหน่งตามวาระกรรมการผู้ทรงฯ จะพ้นจากตำแหน่งเมื่อ...............................
(๑) ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้าม
(๒) ก.ตร.มีมติคะแนนเสียงไม่น้อยกว่า ๒ ใน ๓  เนื่องจากมีความประพฤติเสื่อมเสียหรือมีคุณสมบัติไม่เหมาะสม
(๓) ตาย  /  มีอายุครบ ๗๐  ปีบริบูรณ์  /  ลาออก
(๔) สมัครรับเลือกตั้ง หรือได้รับแต่งตั้งเป็นคณะผู้บริหารท้องถิ่น
ในกรณี ก.ตร.ผู้ทรงฯ ตามมาตรา ๓๐ (๒)(ก) พ้นจากตำแหน่งก่อนวาระ......ให้ผู้มีรายชื่ออยู่ในบัญชีรายชื่อในอันดับแรกเป็นกรรมการแทน และให้อยู่ในตำแหน่งเท่าวาระที่เหลืออยู่ของผู้ซึ่งตนแทน
ในกรณีที่กรรมการผู้ทรงฯตามมาตรา ๓๐(๒)(ข) พ้นจากตำแหน่งก่อนครบวาระให้ดำเนินการเลือกแทนตำแหน่งที่ว่าง หากมีกำหนดเวลาไม่ถึง ๒ ปี ..........ไม่ให้นับเป็นวาระการดำรงตำแหน่ง
ในกรณีที่กรรมการผู้ทรงฯจะพ้นจากตำแหน่งตามวาระใหดำเนินการจัดให้มีการเลือกใหม่ภายในเวลา..................................ไม่เกิน  ๖๐  วัน ก่อนครบวาระ
องค์ประชุม ก.ตร....................ต้องมี ก.ตร.มาประชุมไม่น้อยกว่า  กึ่งหนึ่ง ของจำนวน ก.ตร.ทั้งหมด
ในกรณีที่ประธาน ก.ตร.ไม่อยู่หรือไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้...........ให้กรรมการ ก.ตร.ที่มาประชุมเลือกกรรมการคนหนึ่งเป็นประธาน
การประชุม.............................ให้ประธาน ก.ตร.เป็นผู้เรียกประชุม  ในกรณีที่กรรมการ ก.ตร.ไม่น้อยกว่า  ๖  คนร้องขอให้เรียกประชุม ให้ประธานกรรมการ เรียกประชุมภายใน  ๗  วันนับแต่วันที่ได้รับการร้องขอ
ในกรณีที่  ก.ตร.มีหน้าที่ตาม  พรบ.นี้..............ให้ ผบ.ตร.เป็นผู้เสนอเรื่องต่อ ก.ตร. แต่ไม่ตัดสิทธิ์กรรมการคนหนึ่งคนใดที่จะเสนอ

ลักษณะที่ ๖  ระเบียบข้าราชการตำรวจ

ตำแหน่งและการกำหนดตำแหน่ง...............มีทั้งหมด  ๑๓  ตำแหน่ง ตั้งแต่ ผบ.ตร.  ถึง  รอง ผบ.หมู่ ที่น่าสังเกตุคือตำแหน่ง จเรตำรวจแห่งชาติ เทียบเท่ากับตำแหน่ง รอง ผบ.ตร.
จะกำหนดให้มีตำแหน่งที่เรียกชื่ออย่างอื่นโดย.............ก.ตร.เป็นผู้กำหนด ในกฎ ก.ตร.
การกำหนดให้มีตำแหน่งที่เรียกชื่ออย่างอื่นให้มีเฉพาะเท่าที่จำเป็น..........เมื่อหมดความจำเป็นให้ยุบตำแหน่งนั้น
จะให้มีตำแหน่งใด เท่าใด คุณสมบัติอย่างใด จะมียศหรือไม่รวมตลอดถึงการตัดโอนจากส่วนราชการหนึ่งไปส่วนราชการหนึ่ง.....................ให้เป็นไปตามที่  ก.ตร.  กำหนด
การกำหนดจำนวนตำแหน่งข้าราชการตำรวจ ตั้งแต่  ผบก.  พงส.ผู้เชี่ยวชาญพิเศษ หรือเทียบเท่า ขึ้นไป..........................ต้องได้รับความเห็นชอบจาก   ก.ต.ช.  ก่อน
ให้ พงส. ได้รับเงินเพิ่มเป็นกรณีพิเศษตามระเบียบที่..................... ก.ตร. กำหนด โดยความเห็นชอบของกระทรวงการคลัง
พงส. ให้ได้รับการเลื่อนตำแหน่ง ดังนี้....................................
(๑)พงส.  เมื่อดำรงตำแหน่งและได้รับเงินเดือนตามที่  ก.ตร.กำหนด อีกทั้งได้ผ่านการประเมินแล้ว  ให้ผู้นั้นเป็น  พงส. ผู้ชำนาญการ (สว.)
(๒)พงส. ผู้ชำนาญการ เมื่อดำรงตำแหน่งไม่น้อยกว่า  ๓  ปีและได้รับเงินเดือนถึงขั้นต่ำของ  ส.๓  อีกทั้งได้ผ่านการประเมินแล้ว  ให้ผู้นั้นเป็น  พงส. ผู้ชำนาญการพิเศษ ( รอง ผกก.)
(๓)พงส. ผู้ชำนาญการพิเศษ เมื่อดำรงตำแหน่งไม่น้อยกว่า  ๓  ปีและได้รับเงินเดือนถึงขั้นต่ำของ ส.๔  อีกทั้งได้ผ่านการประเมินแล้ว  ให้ผู้นั้นเป็น  พงส. ผู้ทรงคุณวุฒิ (ผกก.)
(๔)พงส. ผู้ทรงคุณวุฒิ เมื่อดำรงตำแหน่งไม่น้อยกว่า  ๓ ปี และได้รับเงินเดือนถึงขั้นต่ำของส.๕  อีกทั้งได้ผ่านการประเมินแล้ว  ให้ผู้นั้นเป็น  พงส. ผู้เชี่ยวชาญ (รอง ผบก.)
(๕)พงส. ผู้เชี่ยวชาญ เมื่อดำรงตำแหน่งไม่น้อยกว่า  ๓ ปีและได้รับเงินเดือนถึงขั้นต่ำของ ส.๖  อีกทั้งได้ผ่านการประเมินแล้ว  พร้อมทั้งมีตำแหน่งว่าง  ให้ผู้นั้นเป็น   พงส.ผู้เชี่ยวชาญ       พิเศษ  (ผบก.)
การพิจารณาเลื่อนตำแหน่งของ  พงส......................ให้นำปริมาณและคุณภาพของสำนวนการสอบสวนมาประกอบการพิจารณา ตามหลักเกณฑ์ ระเบียบของ  ก.ตร.
การแต่งตั้ง  พงส. จะมีจำนวนเท่าใด มีอำนาจหน้าที่ในการบังคับบัญชาเพียงใด........................................ให้เป็นไปตามระเบียบของ  ก.ตร.
การบรรจุบุคคลเข้ารับราชการเป็นข้าราชการตำรวจตาม พรบ.นี้..............ให้ผู้มีอำนาจสั่งบรรจุและแต่งตั้งตามที่กำหนดในระเบียบของ  ก.ตร.
การบรรจุบุคคลเป็นข้าราชการตำรวจชั้นพลตำรวจ ชั้นประทวน ชั้นสัญญาบัตร.................................ให้บรรจุจากบุคคลที่ได้รับคัดเลือก หรือสอบแข่งขันได้
ผู้ที่ได้รับบรรจุเข้ารับราชการเป็นข้าราชการตำรวจ...........ให้ทดลองปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งที่ได้รับแต่งตั้ง มีกำหนดไม่น้อยกว่า   ๖  เดือน
หลักเกณฑ์หรือวิธีการคัดเลือกหรือสอบแข่งขัน.........ให้เป็นไปตามที่กำหนดในกฎ ก.ตร.
ผู้ดำเนินการคัดเลือกหรือสอบแข่งขัน........... ผบ.ตร.หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายจาก  ผบ.ตร.
การแต่งตั้งข้าราชการตำรวจให้ดำรงตำแหน่ง ให้แต่งตั้งตามหลักเกณฑ์ดังนี้..................
     (๑)    ผบ.ตร. โปรดเกล้าแต่งตั้งจาก    ยศ   พล.ต.อ.
     (๒)  จเรตำรวจแห่งชาติ , รอง ผบ.ตร. โปรดเกล้าแต่งตั้งจาก   ยศ  พล.ต.ท. / พล.ต.อ.
     (๓)   ผช.ผบ.ตร.  โปรดเกล้าแต่งตั้งจาก  ยศ  พล.ต.ท.
     (๔)   ผบช.   โปรดเกล้าแต่งตั้งจาก ยศ  พล.ต.ต. / พล.ต.ท.
     (๕)   รอง ผบช. โปรดเกล้าแต่งตั้งจาก ยศ  พล.ต.ต.
     (๖)   ผบก. และพงส.ผู้เชี่วชาญพิเศษ  โปรดเกล้าแต่งตั้งจาก ยศ  พ.ต.อ.(พิเศษ) / พล.ต.ต.
     (๗)   รอง  ผบก. และพงส.ผู้เชี่ยวชาญ  แต่งตั้งจาก ยศ  พ.ต.อ.
     (๘)   ผกก. และพงส.ผู้ทรงคุณวุฒิ  แต่งตั้งจาก  ยศ  พ.ต.ท. / พ.ต.อ.
     (๙)   รอง  ผกก. และพงส.ผู้ชำนาญการพิเศษ  แต่งตั้งจาก  ยศ    พ.ต.ท.
     (๑๐)  สว. และพงส.ผู้ชำนาญการ   แต่งตั้งจาก  ยศ  ร.ต.อ. / พ.ต.ท.
     (๑๑)  รอง สว. และพงส.  แต่งตั้งจาก ยศ  ร.ต.ต. ขึ้นไปไม่สูงกว่า ร.ต.อ.
     (๑๒)  ผบ.หมู่  แต่งตั้งจาก  ยศ  ส.ต.ต. ขึ้นไปแต่ไม่สูงกว่า ดาบตำรวจ
     (๑๓)  รอง  ผบ.หมู่  แต่งตั้งจาก  ชั้น พลตำรวจ
     ตำแหน่ง   ๒   ถึง  ๑๓  อาจแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเทียบเท่าด้วยก็ได้

หลักเกณฑ์การแต่งตั้ง
ตำแหน่ง
ผบ.หมู่ หรือ รอง ผบ.หมู่ อาจได้รับคัดเลือกและแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง รอง สว.และพนักงานสอบสวนได้.....................ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดในกฎ  ก.ตร.
รอง ผบ.หมู่ อาจได้รับคัดเลือกและแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง ผบ.หมู่ได้..........ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดในกฎ  ก.ตร.

ผบ.ตร.

         นายก....คัดเลือกชื่อ – นำเสนอ.......กตช. (พิจารณา).......นายก....นำความเพื่อโปรดเกล้าฯ


จเรตำรวจแห่งชาติ  ,รอง ผบ.ตร. (๒)
ผู้ช่วย ผบ.ตร. (๓)
ผบช. (๔)

         ผบ.ตร.......คัดเลือกชื่อ – นำเสนอ......ก.ตร. (พิจารณา)......นายก....นำความเพื่อโปรดเกล้าฯ

รอง ผบช. (๕)
ผบก. (๖)
(ใน สนง.ผบ.ตร.)

ผบ.ตร....คัดเลือก(รับฟังข้อเสนอแนะจาก ผบช.ที่เกี่ยวข้อง..เสนอ....กตร.
                                                            (เห็นชอบ)........นายก.....นำความเพื่อโปรดเกล้าฯ

รอง ผบช. (๕)
ผบก. (๖)
(ที่ไม่สังกัด  สนง.ผบตร.)

ผบช....เสนอ.....ผบ.ตร.
เห็นว่า ยังไม่เหมาะสม....ทำความเห็นพร้อมข้อเสนอแนะ และเหตุผล

เห็นว่า เหมาะสม................เสนอ....ก.ตร.(เห็นชอบ)....นายก....นำความเพื่อโปรดเกล้าฯ




รอง ผบก. (ลงมา)

ใน สนง. ผบ.ตร. 
               ผบ.ตร.....แต่งตั้ง...โดยที่
                                                                         ผบก.ที่เกี่ยวข้องมีข้อเสนอ
                                                                         และมีส่วนร่วมในการให้ความเห็นชอบ
                                              * หากไม่เป็นที่ยุติ ให้.....ผบ.ตร.  ช
แสดงความคิดเห็นที่ 0-0 จากทั้งหมด 0 ความคิดเห็น

หมวดหมู่

แนะนำการสอบราชการ [2]
แจกแนวข้อสอบ [7]

ระบบสมาชิก

สถิติร้านค้า

หน้าที่เข้าชม2,112,142 ครั้ง
ผู้ชมทั้งหมด1,481,485 ครั้ง
เปิดร้าน30 ก.ค. 2557
ร้านค้าอัพเดท22 ต.ค. 2568

ติดต่อเรา

084-4283086
พูดคุย-สอบถาม