
7. พระพุทธชินราชหล่อด้วยอะไร ก. ทองคำบริสุทธิ์ ข. โลหะประสม ค. ทองเหลือง ง. ทองเนื้อดี 8. พระพุทธชินราชประดิษฐานอยู่ที่วัดอะไร ก. วัดมหาธาตุ ข. วัดศรีมหาธาตุ ค. วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ง. วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ 9. “ไปทัศนาจร” หมายความว่าไปทำอะไร ก. ไปทำงาน ข. ไปเที่ยว ค. ไปพักผ่อน ง. ไปศึกษาภูมิประเทศ 10. ผู้เขียนเดินทางไปจังหวัดพิษณุโลกในฤดูใด ก. ฤดูหนาว ข. ฤดูร้อน ค. ฤดูฝน ง. ฤดูแล้ง อ่านข้อความต่อไปนี้ แล้วตำคอบถามข้อ 11 – 13 “หลังจากที่ได้มีการวิพาก์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวางเกี่ยวกับภาพยนตร์ที่ฉายทางโทรทัศน์ว่าสมควรผ่านการตรวจของพนักงานตรวจภาพยนตร์ ที่ได้แต่งตั้งหรือไม่นั้น บัดนี้ปรากฏว่าคณะรัฐมนตรีได้ลงมติให้ตรวจภาพยนตร์ทางโทรทัศน์แล้ว” 11. ข้อความนี้แนะนำให้เราทราบว่า ภาพยนตร์มีลักษณะอย่างไร ก. มิได้ให้ความรู้ ข. ให้แต่ความบันเทิง ค. มีทั้งโทษและประโยชน์ ง. ทำให้เสียทรัพย์และการงาน 12. ใครเป็นต้นเหตุสำคัญที่ให้มีการตรวจภาพยนตร์ขึ้น ก. ผู้ลงทุนสร้าง ข. ผู้กำกับการแสดง ค. ผู้แสดง ง. ผู้ประพันธ์เรื่อง 13. ถ้าไม่มีการตรวจภาพยนตร์ก่อนนำออกฉายแล้วจะเป็นอย่างไร ก. มีมากขึ้นจนล้นตลาด ข. จะดีขึ้นเพราะผู้สร้างแข่งกันสร้าง ค. จะเลวลงเพราะผู้สร้างหวังแต่ประโยชน์ส่วนตัว ง. ยังสรุปแน่นอนไม่ได้ จงอ่านข้อความต่อไปนี้ แล้วตอบคำถามข้อ 14-18 “การที่ไม่มีใครเกลียดนั้นเสียเวลามากนัก โดยมากมักจะเสียเงินด้วย เพราะผู้ที่ไม่มีใครเกลียดจะต้องเป็นคนไม่มีอัฐติดตัวเลย จึงจะไม่มีอิจฉา หรือมิฉะนั้นถ้าพบใครจะต้องยื่นธนบัตรให้เสียทุกรูปทุกนามไปและมีเรือ แพ ช้าง ม้า วัว ควาย ไว้ให้คนอื่นยืมทั่วโลก” 14. ผู้เขียนต้องการจะเน้นเรื่องใด ก. คนเราต้องมีคนเกลียดบ้าง ข. คนเราต้องไม่มีคนเกลียดเลย ค. การให้ยืมเงินทำให้คนเกลียด ง. ต้องเป็นคนมีเงินจึงจะไม่มีคนเกลียด 15. คนที่ไม่มีคนเกลียดนั้นจะต้องเป็นคนชนิดใด ก. คนขยัน ข. คนมีใจโอบอ้อมอารี ค. คนไม่มีเงินติดตัวเลย ง. คนไม่มีความอิจฉา 16. “อัฐ”ในข้อความนี้ หมายถึงอะไร ก. เงิน ข. แปด ค. คดี ง. กระดูก 17. ข้อความนี้สรุปได้ว่าความเกลียดเกี่ยวข้องกับสิ่งใดมากที่สุด ก. เวลา ข. อุปนิสัย ค. การมีเงิน ง. ความอิจฉา 18. ข้อความนี้จัดอยู่ในประเภทใด ก. คำว่ากล่าว ข. คำสั่งสอน ค. คำชมเชย ง. คำปลุกใจ อ่านข้อความต่อไปนี้แล้วตอบคำถามข้อ 19-21 การสู้รบที่ห้วยโก๋นระหว่างทหารไทยกับผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์เป็นการสู้รบที่ถึงเลือดถึงเนื้อจริงๆ เพราะการต่อสู้ถึงขั้นตะลุมบอนแลกเลือดแลกชีวิตด้วยกันทั้งสองฝ่ายเข้าสังหารกันด้วยอาวุธทุกชนิด ตั้งแต่ปืน มีด ไม้ แม้จนกระทั่งขั้นใช้กำกับปั้นเข้าต่อยกัน เหล่าทหารไทยแม้จะด้อยกำลังว่า ทั้งด้านกำลังพลและกำลังอาวุธ แต่จะเหนือกว่าในด้านความกล้าหาญเด็ดเดี่ยวและฝีมือ ประกอบกับมีกำลังใจแรงกล้าในอันที่จะพิทักษ์รักษาผืนแผ่นดินไทยเอาไว้ โดยเฉพาะมีปณิธานอันมั่นคงที่จะไม่ยอมให้ฝ่ายตรงข้ามนำธงแดงไปไว้ในบนยอดเขาได้เป็น อันขาด 19. เรื่องนี้กล่าวถึงเรื่องใด ก. วิธีการต่อสู้ของทหารไทย ข. การต่อสู้ของทหารไทย ค. การเสียสละของทหารไทย ง. การรักชาติของทหารไทย 20. ทหารไทยเสียเปรียบในด้านใดมากที่สุด ก. กำลังใจ ข. กำลังคนและอาวุธ ค. ฝีมือในการรบ ง. ความกล้าหาญเด็ดเดี่ยว 21. การต่อสู้เข้าถึงขั้น “ตะลุมบอน” คำว่า “ตะลุมบอน” หมายความว่าอย่างไร ก. ชุลมุน ข. โกลาหล ค. รบประชิดตัว ง. สับสนวุ่นวาย อ่านข้อความต่อไปนี้แล้วตอบคำถามข้อ 22-25 วิชาเป็นสิ่งที่ต้องศึกษาเล่าเรียน ต้องจดจำ ต้องฝึกฝน จนกว่าจะมีความรู้ความชำนาญใช้การได้ วิชามีมากนัก จะเรียนกันให้จบและรู้จริงทุกวิชาไม่ได้ เพราะวิชาแต่และวิชากว่าจะรู้จริงกินเวลาเรียนเวลาฝึกฝนนานหลายปี แม้มีโอกาสเรียนวิชาอะไรได้จนเท่าที่มีอยู่แต่ความรู้ยังไม่แตกฉาน จะถือว่ารู้เป็นอย่างรู้รักษาตัวรอดจริงๆ ยังไม่ได้ ที่รู้ว่าแตกฉานคือรู้จักดัดแปลงแก้ไขให้เป็นประโยชน์ในทางดีงามเข้ากันได้เหมาะเจาะกับตนและสิ่งแวดล้อมตน แม่ได้รู้ถึงเช่นนั้นถ้ารู้เชี่ยวชาญแตกฉานเฉพาะวิชาเดียว ส่วนวิชาอื่นงมงายไม่เอาใจใส่หรือไม่รู้เสียเลย อาจเป็นคนคับแคบมองไม่เห็นไกลและกว้างขวางออกไป เปรียบเสมือนคนขุดร่องลึก ยิ่งลึกเท่าไรตัวผู้ขุดก็ยิ่งจมลึกลงไปในร่องที่ขุด ไม่สามารถมองเห็นสิ่งที่อยู่เหนือร่อง เพราะเหตุฉะนั้นท่านจึงกล่าวว่า “จงรู้วิชาชีพของท่าเถิด แต่ความรู้อะไรบ้างในสิ่งอื่น” เชี่ยวชาญเฉพาะวิชามากไปทำให้ตาบอดและขาดความมีใจกว้างขวาง 22. คำว่า “รู้แตกฉาน” ในที่นี้คืออย่างไร ก. มีความรู้ทุกอย่างทุกสาขา ข. มีความรู้รอบรู้ ไม่มีอะไรที่ไม่รู้ ค. รู้รักษาตัวรอดและสามารถช่วยผู้อื่นได้ ง. สามารถปรับสิ่งต่างๆ ให้เข้ากับตนและสิ่งแวดล้อมได้ 23. ข้อใดควรเป็นข้อความที่ถูกต้องที่สุด ก. จงเป็นผู้ที่มีความสนใจในโลกกว้าง ข. จงเป็นผู้รอบรู้ในทุกทาง ค. จงเป็นผู้ไม่เลือกอาชีพ ง. จงรู้วิชาชีพของตนและสนใจวิชาอื่นบ้าง 24. ความเป็นผู้รู้จักศึกษา จะทำให้ได้ผลดีอย่างไร ก. ทำให้มีคนนับหน้าถือตา ข. ทำให้มีความภาคถูมิใจ ค. ทำให้เห็นโลกกว้างขวางและมีความคิดไกล ง. ทำให้ไม่ตกลงในร่องลึกซึ้งตัวเองขุดและจมลงไปทุกที 25. การเป็นผู้มีความรู้เฉพาะอย่าง ตามความเห็นของผู้เขียนในที่นี้แสดงความคิดเห็นไว้ว่ากระไร ก. ทำให้ตาบอด ข. ทำให้เป็นคนเห็นแก่ตัว ค. ทำให้เป็นคนคับแคบ มองไม่เห็นสิ่งที่ไกลและกว้างขวางออกไป ง. ความเป็นผู้รู้เฉพาะอย่างนั้น นับว่าเป็นผู้มีความรู้แตกฉาน อ่านข้อความต่อไปนี้แล้วตอบคำถามข้อ 26-28 26. สรุปใจความของเรื่องนี้คืออะไร ก. กรุงเทพฯ มีภัยมาก ข. คนกรุงเทพฯ ชินกับภัย ค. การอยู่ในกรุงเทพฯ อย่างปลอดภัย ง. ชาวต่างประเทศกับภัยในกรุงเทพฯ 27. กรุงเทพฯ ในสายตาของชาวต่างประเทศเป็นอย่างไร ก. น่าเกียด ข. น่ารังเกียจ ค. น่ากลัว ง. น่าเกรงขาม 28. คำว่า “กิตติศัพท์ ในเรื่องนี้หมายความว่าอย่างไร ก. โด่งดัง ข. เลื่องลือ ค. ชื่อเสียง ง. จุดเด่น 29. คำว่า “กิตติศัพท์” ในเรื่องนี้หมายความว่าอย่างไร ก. โด่งดัง ข. เลื่องลื่อ ค. ชื่อเสียง ง. จุดเด่น จงอ่านคำประพันธ์ดังต่อไปนี้ แล้วตอบคำถามข้อ 29-33 “อุรารานร้าวแยก ยลสยบ เอนพระองค์ลงทบ ท่าวดิ้น เหนือคอคชชอนซบ สังเวช วายชีวาตม์สุดสิ้น สู้ฟ้าเสวยสวรรค์” 29. คำประพันธ์ตอนนี้ดีอย่างไร ก. สามารถบรรยายให้เห็นจริง ข. สำนวนโวหารดี ค. บทสนทนาไพเราะ ง. ดีในกระบวนอุปมาอุปไมย 30. ตัวเอกของบทประพันธ์ตอนนี้ควรจะเป็นข้อใด ก. เทวดา ข. คน ค. ช้าง ง.ม้า 31. เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่ใด ก. บนหลังม้า ข. บนหลังช้าง ค. บนสวรรค์ ง.บนสวรรค์ 32. เนื้อความในคำประพันธ์กล่าวถึงอะไร ก. การต่อสู้ ข. การสิ้นชีวิต ค. การขึ้นสวรรค์ ง. ความผิดหวัง 33. คำประพันธ์ข้างต้นเป็นคำประพันธ์ชนิดใด ก. กาพย์ ข. ร่าย ค. โคลง ง. ฉันท์ จงอ่านข้อความต่อไปนี้ แล้วตอบคำถามข้อ 34-38 “นกเขาจับเงื้อมเขาแล้วเคล้าคู่ จู้หุกกูจู่ฮุกกูเฝ้าดูขัน อัญชันจับกิ่งต้นชิงชัน เบญจวรรณจับเจ่าเถาวัลย์เปรียง” 34. จากคำประพันธ์ข้างต้น มีชื่อนกกี่ชนิด ก. 1 ชนิด ข. 2 ชนิด ค. 3 ชนิด ง. 4 ชนิด 35. ผู้ประพันธ์ใช้วิธีใดแต่งคำประพันธ์ตอนนี้ ก. บรรยาย ข. เล่นคำ ค. อุปมาอุปไมย ง. สำนวนโวหาร 36. คำประพันธ์นี้จัดอยู่ในประเภทใด ก. รำพัน ข. เล่นคำ ค. อุปมาอุปไมย ง. สำนวนโวหาร 37. คำประพันธ์นี้สัมผัสในกี่วรรค ก. 1 วรรค ข. 2 วรรค ค. 3 วรรค ง. 4 วรรค 38. คำว่า “เคล้า” ในที่นี้หมายถึงข้อใด ก. คลุก ข. คลอเคลีย ค. กอดรัด ง. กกไข่ จงพิจารณาข้อความข้างล่างนี้ แล้วตอบคำถามตั้งแต่ข้อ 39-43 ยามเอ๋ยยามนี้ ปถพีมืดมัวทั่วสถาน อากาศเยือกหนาวคราววิกาล สงัดปานป่าใหญ่ไรสำเนียง มีแต่จิ้งหรีดกระกรีดกริ่ง เรไรหริ่งร้องขรมระงมเสียง คอกวัวคอกควายรัวเกาะเปาะเปาะเพียง รู้ว่ามีเสียงเกราะแว่วแผ่วแผ่วเอย 39. ผู้แต่งมีความหมายอย่างไร ก. บรรยายความรู้สึก ข. สร้างภาพพจน์ ค. บรรยายภาพที่เห็น ง. เลียนเสียงธรรมชาติ 40. ผู้แต่งมีความรู้สึกอย่างไร ก. |
| หน้าที่เข้าชม | 2,112,142 ครั้ง |
| ผู้ชมทั้งหมด | 1,481,485 ครั้ง |
| เปิดร้าน | 30 ก.ค. 2557 |
| ร้านค้าอัพเดท | 22 ต.ค. 2568 |
ศูนย์รวมหนังสือสอบราชการ