แนวข้อสอบ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ

1.ระบบบำเหน็จบำนาญเริ่มขึ้นในสมัยรัชกาลที่เท่าไร

 

        ก.  รัชกาลที่ 4                                                       ข. รัชกาลที่5

 

        ค. รัชกาลที่6                                                         7. รัชกาลที่ 7

 

ตอบ ข้อ ข. รัชกาลที่5 

2. พระองค์โปรดให้มีการตราพระราชบัญญัติเพื่อจ่ายบำนาญขึ้นครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. ใด

 

                ก. พ.ศ. 2541                                                         ข. พ.ศ. 2542

 

                ค. พ.ศ.2543                                                          ง.พ.ศ.2544

 

ตอบ ข้อ ง. พ.ศ.2544

3. ปี พ.ศ. 2534 คระรัฐมนตรีมีมติให้กระทรวงการคลังพิจารณาปรับปรุงระบบบำเหน็จบำนาญข้าราชการให้เป็นระบบใด

 

                ก. ระบบกองทุนสำรองเลี้ยงชีพกลาง             ข. ระบบกองทุนสำรองบำเน็จบำนาญ

 

                ค. ระบบสำรองเลียงชีพ                                     ง. ระบบกองทุนบำเหน็จบำนาญ

 

ตอบ ข้อ ก. ระบบกองทุนสำรองเลี้ยงชีพกลาง

4. พระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญ พ.ศ. 2494 ใช้เงินเดือนงวดใดเป็นหลักในการคำนวณเงิน

 

                ก. เงินเดือนถั่วเฉลี่ย 6 เดือนล่าสุด                   ข. เงินเดือนก่อนเดือนสุดท้าย 1 เดือน

 

                ค. เงินเดือนเดือนสุดท้าย                                   ง. เงินเดือนตามกรรมการพิจารณา

 

ตอบ ข้อ  ค. เงินเดือนเดือนสุดท้าย

5. การปรับระบบบำเหน็จบำนาญโดยจัดตั้งในรูปแบบของกองทุนเพื่อมุ่งหวังสิ่งใด

 

                ก. เพื่อให้สอดคล้องกับภาวะค่าครองชีพ       ข. เพื่อเป็นเงินสำรองไว้ตอนเกษียณ              

 

                ค. เพื่อให้กองทุนเป็นสถาบันเงินออม            ง. เพื่อเป็นหลักประกันแก่ผู้ทุพลภาพ

 

ตอบ ค. เพื่อให้กองทุนเป็นสถาบันเงินออม

6.ด้วยเหตุใด พระองค์ท่าน จึงได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าตราพระราชบัญญัติเพื่อจ่ายบำเหน็จบำนาญขึ้นครั้งแรก

 

ก.       เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจแก่ข้าราชการ 

 

ข.       เพราะข้าราชการทำงานเต็มเวลาไม่มีโอกาสสะสมทรัพย์ไว้ยามแก่ชรา

 

ค.       เพราะให้ข้าราชการทำงานเต็มความสามารถ ความรู้ในการปฏิบัติงาน

 

ง.       เพื่อให้ระบบข้าราชการเป็นระบบตัวอย่างในการบริหารแก่ประชาชน

 

ตอบ ข้อ ข. เพราะข้าราชการทำงานเต็มเวลาไม่มีโอกาสสะสมทรัพย์ไว้ยามแก่ชรา

7. ในการศึกษาของคณะกรรมการกองทุนบำเหน็จบำนาญได้นำข้อสังเกตของคณะรัฐมนตรีและข้อสังเกตุจากใคร เพื่อมาพิจารณาในการร่างพระราชบัญญัติ

 

                ก.  IMF                                  ข. ICF                         ค. IFF                               ง. MIF

 

ตอบ ข้อ ก. IMF

 

8.พระราชบัญญัติกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการประกาศในราชกิจานุเบกษาเมื่อวันที่เท่าไร

 

        ก.  วันที่  1  กันยายน  2539                                ข. วันที่  27  กันยายน 2539

 

        ค.  วันที่  1  กันยายน  2494                                ง. วันที่   27  กันยายน  2494

 

ตอบ ข้อ ข. วันที่  27  กันยายน 2539

9.ข้อใดไม่ใช่เงินกองทุนที่ให้กองทุนจัดสรรผลประโยชน์สุทธิประจำเดือนเข้าบัญชีเงินกองทุน

 

        ก. เงินสำรอง                                                        ข. เงินกองกลาง

 

        ค. เงินประเดิม                                                      ง. เงินราชการ

 

ตอบ ข้อ ง. เงินราชการ

10. การตีราคาหรือปรับราคาเงินลงทุนในหลักทรัพย์ประเภทพันธบัตรรัฐบาลและตราสารหนี้ที่กระทรวงการคลังค้ำประกันต้นเงินและดอกเบี้ยให้ใช้มูลค่าใด

 

                ก. มูลค่าตามบัญชี                                                ข.มูลค่ายุติธรรม

 

                ค. มูลค่าตามตลาด                                                ง. มูลค่าราคาต้นทุน

 

ตอบ ข้อ ก. มูลค่าตามบัญชี

 

11.การตีราคาหรือปรับราคาเงินลงทุนในหลักทรัพย์อื่น ใช้มูลค่าใด

 

                ก. มูลค่าตามบัญชี                                                ข.มูลค่ายุติธรรม

 

                ค. มูลค่าตามตลาด                                                ง. มูลค่าราคาต้นทุน

 

ตอบ ข้อ ข.มูลค่ายุติธรรม

 

12.ใครดำรงตำแหน่งประธานกรรมการกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ

 

        ก.  ปลัดกระทรวงมหาดไทย                              ข.ปลัดกระทรวงการคลัง

 

        ค. อธิบดีกรมบัญชีกลาง                                     ง.อธิบดีกรมรัฐมนตรี

 

ตอบ ข้อ ข. ปลัดกระทรวงการคลัง

13. คณะกรรมการโดยตำแหน่ง ของกองทุนบำเหน็จบำนาญมีกี่คน

 

                ก.  3  คน                                                                ข. 9  คน

 

                ค.  10  คน                                                              ง. 12  คน

 

ตอบ ค. 10  คน

14.ประธานกรรมการคนปัจจุบันชื่ออะไร

 

        ก. นายรังสรรค์ ศรีวรศาสตร์                             ข. นายนนทิกร กาญจนจิตรา 

 

        ค. นายอัชพร จารุจินดา                                      ง. ดร.อารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม 

 

ตอบ ข้อ ง. ดร.อารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม 

 

16.ให้คณะกรรมการตามความในมาตรา ๗ แห่งพระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญข้าราชการส่วนท้องถิ่น พ.ศ. ๒๕๐๐ มีชื่อเรียกโดยย่อว่าอะไร

 

ก. “ก.บ.ท.”                                                            ข. “ ก.บ.ข.”

 

ค.  “ก.บ.น.”                                                          ง. “ก.ห.น.”

 

ตอบ ข้อ ก. 
17.  คณะกรรมการกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการส่วนท้องถิ่น มีหน้าที่ในข้อใด

 

ก.       พิจารณาจ่ายเงินกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการส่วนท้องถิ่น

 

ข.       พิจารณาอนุมัติการจ่ายเงินกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการส่วนท้องถิ่น

 

ค.       พิจารณากำหนดวงเงินค่าใช้จ่ายประจำปีของกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการส่วน ท้องถิ่น

 

ง.       ถูกทุกข้อ

 

ตอบ ข้อ ง.ถูกทุกข้อ

18. ในกรณีที่ข้าราชการส่วนท้องถิ่นผู้ใดจะครบเกษียณอายุการทำราชการจากราชการ ส่วนท้องถิ่นนั้นๆ ต้องรายงานผ่านจังหวัดไปยังกระทรวงมหาดไทยเพื่อแจ้งให้คณะกรรมการส่วนท้องถิ่น ทราบล่วงหน้าอย่างน้อยกี่เดือนก่อนครบเกษียณอายุ

 

                ก. หนึ่งเดือน                                                        ข. สองเดือน

 

                ค. สามเดือน                                                          ง. สี่เดือน

 

ตอบ ข้อ ค. สามเดือน

19. ให้ทายาทผู้มีสิทธิของผู้รับบำนาญซึ่งถึงแก่ความตายหรือผู้ที่ผู้รับบำนาญ ซึ่งถึงแก่ความตายได้แสดงเจตนาไว้ให้มีสิทธิยื่นคำขอรับบำเหน็จตกทอด ให้เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบ เสนอต่อจังหวัด ภายในกี่วัน นับแต่วันรับเรื่อง

 

                ก. 15 วัน                                                                ข. 30 วัน

 

                ค. 45 วัน                                                                ง. 60 วัน

 

ตอบ ข้อ ก. 15 วัน

20. โครงการออมต่อ กบข.จัดตั้งขึ้นเมื่อปีใด

 

                ก. 2550                                                  ข. 2551

 

                ค. 2552                                                  ง. 2553