QUOTE 

ข้อสอบตำแหน่งบริหารระดับกลาง กกต.

เจ้าของร้าน

ข้อสอบตำแหน่งบริหารระดับกลาง  กกต.

   

 

 
 

1.       พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการออกเสียงประชามติ พ.2552 บังคับให้เมื่อใด

 

ก.       วันที่ 18 ธันวาคม พ.2552

 

ข.       วันที่ 19 ธันวาคม พ.2552

 

ค.       วันที่ 20 ธันวาคม พ.2552

 

ง.       วันที่ 21ธันวาคม พ.2552

 

ตอบ  ข. วันที่ 19 ธันวาคม พ.2552

 

มาตรา พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

 

2.       ข้อใดคือความหมายของ “ผู้มีสิทธิออกเสียง” ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการออกเสียงประชามติ

 

ก.       การออกเสียงประชามติตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ

 

ข.       ผู้มีสิทธิออกเสียงประชามติตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ

 

ค.       ผู้ที่กำหนดให้เป็นเขตออกเสียงประชามติ

 

ง.       ไม่มีข้อถูก

 

ตอบ  ข. ผู้มีสิทธิออกเสียงประชามติตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ

 

                มาตรา ๓ ในพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้

 

                ผู้มีสิทธิออกเสียง” หมายความว่า ผู้มีสิทธิออกเสียงประชามติตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ

 

3.       ข้อใดคือความหมายของ “จังหวัด” ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการออกเสียงประชามติ

 

ก.       กรุงเทพมหานคร

 

ข.       เขตบริหารราชการส่วนภูมิภาคของประเทศไทย ทั้ง 77 จังหวัด

 

ค.       เมืองพัทยา และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น

 

ง.       ระดับการปกครองของรัฐบาลลำดับแรก

 

ตอบ  ก. กรุงเทพมหานคร

 

                มาตรา ๓ ในพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้

 

“จังหวัด” หมายความว่า กรุงเทพมหานคร

 

4.       ผู้ใดคือผู้รักษาการตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการออกเสียงประชามติ

 

ก.       ประธานกรรมการการเลือกตั้ง

 

ข.       รองประธานกรรมการการเลือกตั้ง

 

ค.       รัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทย

 

ง.       ผู้ว่าราชการจังหวัด

 

ตอบ ก. ประธานกรรมการการเลือกตั้ง

 

มาตรา ๔ ให้ประธานกรรมการการเลือกตั้งรักษาการตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญนี้

 

5.       นายกรัฐมนตรีประกาศให้มีการออกเสียงในราชกิจจานุเบกษา โดยจะต้องมีรายละเอียดดังข้อใด

 

ก.       กำหนดเรื่องในการจัดทำประชามติ ซึ่งจะต้องมีข้อความที่ชัดเจนเพียงพอที่จะให้ผู้มีสิทธิออกเสียงลงคะแนนเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบในเรื่องที่จะจัดทำประชามติ

 

ข.       กำหนดว่าการจัดให้มีการออกเสียงดังกล่าวเป็นไปเพื่อให้มีข้อยุติโดยเสียงข้างมากของผู้มีสิทธิออกเสียง หรือเป็นไปเพื่อให้คำปรึกษาแก่คณะรัฐมนตรี

 

ค.       ถ้ากฎหมายที่ไม่ได้บัญญัติผู้มีอำนาจออกประกาศให้มีการออกเสียงไว้ ให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง มีอำนาจออกประกาศให้มีการออกเสียงตามกฎหมายนั้น

 

ง.       ถูกทั้ง ก และ ข

 

ตอบ ง. ถูกทั้ง ก และ ข

 

มาตรา 5 ในกรณีที่จะดำเนินการจัดทำประชามติตามมาตรา 165 (1ของรัฐธรรมนูญให้นายกรัฐมนตรีประกาศให้มีการออกเสียงในราชกิจจานุเบกษา โดยจะต้องมีรายละเอียด ดังนี้

 

(1กำหนดเรื่องในการจัดทำประชามติ ซึ่งจะต้องมีข้อความที่ชัดเจนเพียงพอที่จะให้ผู้มีสิทธิออกเสียงลงคะแนนเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบในเรื่องที่จะจัดทำประชามติ

 

(2 กำหนดว่าการจัดให้มีการออกเสียงดังกล่าวเป็นไปเพื่อให้มีข้อยุติโดยเสียงข้างมากของผู้มีสิทธิออกเสียง หรือเป็นไปเพื่อให้คำปรึกษาแก่คณะรัฐมนตรี

 

6.       ประชามติตามที่มีกฎหมายบัญญัติ ของรัฐธรรมนูญให้ผู้มีอำนาจตามกฎหมายประกาศให้มีการออกเสียงในราชกิจจานุเบกษา โดยมีรายละเอียดเกี่ยวกับการจัดทำประชามติตามที่กฎหมายนั้นบัญญัติ ถ้ากฎหมายดังกล่าวมิได้บัญญัติผู้มีอำนาจออกประกาศให้มีการออกเสียงไว้  ต้องดำเนินการอย่างไร

 

ก.       ให้นายกรัฐมนตรี มีอำนาจออกประกาศให้มีการออกเสียงตามกฎหมายนั้น

 

ข.       ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย มีอำนาจออกประกาศให้มีการออกเสียงตามกฎหมายนั้น

 

ค.       ให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง มีอำนาจออกประกาศให้มีการออกเสียงตามกฎหมายนั้น

 

ง.       ให้ปลัดกระทรวงมหาดไทย มีอำนาจออกประกาศให้มีการออกเสียงตามกฎหมายนั้น

 

ตอบ ค. ให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง มีอำนาจออกประกาศให้มีการออกเสียงตามกฎหมายนั้น

 

มาตรา 5 ( วรรคท้าย )

 

ในกรณีที่จะดำเนินการจัดทำประชามติตามที่มีกฎหมายบัญญัติตามมาตรา 165(2ของรัฐธรรมนูญให้ผู้มีอำนาจตามกฎหมายประกาศให้มีการออกเสียงในราชกิจจานุเบกษา โดยมีรายละเอียดเกี่ยวกับการจัดทำประชามติตามที่กฎหมายนั้นบัญญัติ ถ้ากฎหมายดังกล่าวมิได้บัญญัติผู้มีอำนาจออกประกาศให้มีการออกเสียงไว้ ให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง มีอำนาจออกประกาศให้มีการออกเสียงตามกฎหมายนั้น

 

7.       เมื่อมีประกาศให้มีการออกเสียงตามมาตรา 5 ให้คณะกรรมการการเลือกตั้งประกาศกำหนดวันออกเสียงในราชกิจจานุเบกษาภายในนับแต่วันที่มีประกาศ

 

ก.      30  วัน                                                            ค.  10   วัน

 

ข.      15  วัน                                                            ง.  7      วัน

 

ตอบ  ง.  7      วัน

 

                                มาตรา 6 เมื่อมีประกาศให้มีการออกเสียงตามมาตรา 5 ให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง

 

ประกาศกำหนดวันออกเสียงในราชกิจจานุเบกษาภายในเจ็ดวันนับแต่วันที่มีประกาศดังกล่าว

 

8.       วันออกเสียงในการจัดทำประชามติต้องกำหนดวันออกเสียงภายในระยะกี่วัน

 

ก.       ระยะเวลาไม่น้อยกว่าเก้าสิบวัน แต่ไม่เกินหนึ่งร้อยยี่สิบวันนับแต่วันประกาศให้มีการออกเสียงในราชกิจจานุเบกษา

 

ข.       ระยะเวลาไม่น้อยกว่าเก้าสิบวัน แต่ไม่เกินหนึ่งร้อยยี่สิบวันนับแต่วันประกาศให้มีการออกเสียง

 

ค.       ระยะเวลาไม่น้อยกว่าเจ็ดวัน นับแต่วันประกาศให้มีการออกเสียงในราชกิจจานุเบกษา

 

ง.       ถูกทุกข้อ

 

ตอบ  ก. ระยะเวลาไม่น้อยกว่าเก้าสิบวัน แต่ไม่เกินหนึ่งร้อยยี่สิบวันนับแต่วันประกาศให้มีการออกเสียงในราชกิจจานุเบกษา

 

มาตรา 6 เมื่อมีประกาศให้มีการออกเสียงตามมาตรา 5 ให้คณะกรรมการการเลือกตั้งประกาศกำหนดวันออกเสียงในราชกิจจานุเบกษาภายในเจ็ดวันนับแต่วันที่มีประกาศดังกล่าววันออกเสียงต้องกำหนดเป็นวันเดียวกันทุกเขตออกเสียง และต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ ดังนี้

 

(1วันออกเสียงในการจัดทำประชามติตามมาตรา 165 (1ของรัฐธรรมนูญต้องกำหนดวันออกเสียงภายในระยะเวลาไม่น้อยกว่าเก้าสิบวัน แต่ไม่เกินหนึ่งร้อยยี่สิบวันนับแต่วันประกาศให้มีการออกเสียงในราชกิจจานุเบกษา

 

9.       ผู้มีสิทธิออกเสียงเห็นว่าการให้มีการออกเสียงนั้นไม่เป็นไปตามเจตนารมณ์แห่งกฎหมายที่บัญญัติให้มีการออกเสียงประชามติ ผู้มีสิทธิออกเสียงสามารถเสนอคำฟ้องภายในกำหนดระยะเวลากี่วันต่อศาลใด

 

ก.      60 วัน นับแต่วันประกาศให้มีการออกเสียง ศาลฎีกา

 

ข.      60 วัน นับแต่วันประกาศให้มีการออกเสียง ศาลปกครอง

 

ค.      30 วัน นับแต่วันประกาศให้มีการออกเสียง ศาลปกครอง

 

ง.      30  วัน นับแต่วันประกาศให้มีการออกเสียง , ศาลปกครองสูงสุด

 

                ตอบ ง. 30  วัน นับแต่วันประกาศให้มีการออกเสียง , ศาลปกครองสูงสุด

 

                                มาตรา 6  (วรรคท้าย)

 

                                ภายในกำหนดเวลาสามสิบวันนับแต่วันประกาศให้มีการออกเสียงใดแล้ว ถ้ามีผู้มีสิทธิ

 

ออกเสียงเห็นว่าการให้มีการออกเสียงนั้นไม่เป็นไปตามเจตนารมณ์แห่งกฎหมายที่บัญญัติให้มีการออกเสียงประชามติ หรือตามเจตนารมณ์ของมาตรา 165 ของรัฐธรรมนูญสามารถเสนอคำฟ้องต่อศาลปกครองสูงสุด เพื่อให้มีคำวินิจฉัยโดยเร็ว

 

10.    ข้อใดคือวิธีออกเสียงลงคะแนนออกเสียงประชามติ

 

ก.       แบบตรง                                        ค. แบบปกปิด

 

ข.       แบบลับ                                          ง. ถูกทั้ง    และ ข

 

ตอบ  ง. ถูกทั้ง    และ ข

 

                มาตรา 8 การออกเสียง ให้ใช้วิธีออกเสียงลงคะแนนโดยตรงและลับ

แสดงความคิดเห็นที่ 0-0 จากทั้งหมด 0 ความคิดเห็น

หมวดหมู่

แนะนำการสอบราชการ [2]
แจกแนวข้อสอบ [7]

ระบบสมาชิก

สถิติร้านค้า

หน้าที่เข้าชม2,112,142 ครั้ง
ผู้ชมทั้งหมด1,481,485 ครั้ง
เปิดร้าน30 ก.ค. 2557
ร้านค้าอัพเดท22 ต.ค. 2568

ติดต่อเรา

084-4283086
พูดคุย-สอบถาม