
- อุทกวิทยา(hydrology) เป็นการศึกษาเกี่ยวกับอะไร
ตอบ การเคลื่อนที่ การกระจาย และคุณภาพของน้ำ รวมถึงวงจรอุทกวิทยา ทรัพยากรน้ำและการดูแลน้ำอย่างยั่งยืน
- นักอุทกวิทยาจะต้องมีพื้นความรู้ในด้านใดบ้าง
ตอบ ภูมิศาสตร์ ธรณีวิทยา วิทยาศาสตร์โลก วิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อมวิศวกรรมโยธา และ วิศวกรรมสิ่งแวดล้อม
- คำว่า ไฮโดรโลจี (hydrology) ในภาษาอังกฤษ มีที่มาจากอะไร
ตอบ จากภาษากรีกคำว่า ὕδωρ (ไฮโดร) ที่แปลว่า “น้ำ” และ λόγος (โลโกส) ที่แปลว่า “ศึกษา”
- ขอบเขตของวิชาอุทกวิทยา แบ่งออกเป็นกี่แขนง อะไรบ้าง
ตอบ 8 แขนง คือ
1.อุทกวิทยาพื้นผิวดิน 2.อุตุ-อุทกวิทยา 3.อุทกวิทยาธรณี
- อุทกวิทยานิเวศ 5. อุทกวิทยาเกษตรกรรม 6. อุทกวิทยาไอโซโทป
- อุทกวิทยาเคมี 8. สารสนเทศอุทกวิทยา
- วัฏจักรของอุทกวิทยา (hydorlogical cyccle)คืออะไร
ตอบ กระบวนการต่าง ๆ อันได้แก่ การเกิดน้ำจากฟ้า (precipitation) การซึมของน้ำลงดิน (infiltration) การระเหยและการคายน้ำของพืช (evapotranspiration) และการเกิดน้ำท่า (run off) กระบวนการเหล่านี้ประกอบกันเป็น “วัฏจักรของอุทกวิทยา” น้ำจะหมุนเวียนอยู่ในวัฏจักร โดยปรากฎอยู่ในรูปแบบและสถานะต่าง ๆ กัน
วัฏจักรอุทกวิทยา (Hydrological Cycle) หมายถึง การหมุนเวียนเปลี่ยนสถานะของน้ำที่เกิดขึ้นต่อเนื่องกันทั่วโลก มีความสัมพันธ์ซึ่งกันและกันระหว่างพื้นโลก บรรยากาศ และมหาสมุทร โดยมีพลังงานความร้อนและแรงโน้มถ่วงของโลกเป็นตัวขับดันให้ขบวนการดำเนินไปได้โดยไม่มีวันสิ้นสุด
- จงอธิบาย วัฏจักรของอุทกวิทยา (hydorlogical cyccle)
ตอบ วัฎจักรของอุทกวิทยาไม่มีจุดเริ่มต้น ไม่มีจุดสิ้นสุด เพื่อให้เข้าใจได้ง่าย เราอาจกำหนดให้วัฏจักรของอุทกวิทยาเริ่มต้นที่การระเหยของน้ำจากทะเล และแหล่งอื่น ๆ บนพื้นโลก ไอน้ำเหล่านี้เมื่อลอยสู่เบื้องบนจะเย็นตัวลง และภายใต้สภาวะที่เหมาะสมก็จะกลั่นตัวเป็นละอองน้ำที่เห็นเป็นเมฆ ละอองน้ำนี้จะรวมตัวจนมีขนาดใหญ่ขึ้น แล้วตกล่งมาเป็นน้ำจากฟ้า ซึ่งอาจมีรูปแบบแตกต่างกันไปตามสภาพทางอุตุนิยมวิทยา เมื่อฝนตกลงสู่พื้นดินน้ำบางส่วนจะค้างอยู่ตามใบและลำต้นของพืชบางส่วนจะขังอยู่ตามแอ่งน้ำหรือที่ลุ่ม น้ำเหล่านี้อาจกลับคืนสู่บรรยากาศโดยการระเหยจากแหล่งน้ำหรือการคายน้ำของพืช นอกจากนี้ น้ำบางส่วนอาจซึมลึกลงไปในดิน ไปรวมกันเป็นแหล่งน้ำใต้ดิน ส่วนที่เหลือจะไหลอยู่บนผิวดินในรูปของน้ำท่า (surface run off) กลายเป็นแหล่งน้ำผิวดิน เช่น แม่น้ำลำคลอง ในที่สุดทั้งน้ำใต้ดินและน้ำผิวดินก็จะไหลลงสู่ทะเลและมหาสมุทร แล้วระเหยกลับขึ้นไปสู่บรรยากาศอีกครบวงจรตามวัฏจักร
- ประเภทของข้อมุลอุทกวิทยา มีอะไรบ้าง
ตอบ 1.ข้อมูลในอดีต (historical data) เป็นข้อมูลที่เก็บบันทึกไว้ในอดีตตามลำดับกาลเวลา (chronological data) ซึ่งอาจจะเป็นแบบต่อเนื่อง (continuous) หรือเป็นช่วง(discrete)
2.ข้อมูลในสนาม (field data) เป็นข้อมูลที่ออกไปสำรวจและเก็บข้อมูลที่จำเป็นบางส่วนที่ข้อมูลในอดีตมีไม่พอหรือไม่มีซึ่งจะได้ข้อมูลเป็นปัจจุบันซึ่งอาจจะเป็นข้อมูลแนวเส้น(lines) พื้นที่ (areas) หรือปริภูมิ (spaces)
3.ข้อมูลจากการทดลองในห้องปฏิบัติการ (laboratory experimental data) เป็นข้อมูลที่ได้จากการทดลองทางอุทกวิทยาในห้องปฏิบัติการ ข้อมูลที่ได้จะใช้ในการวิจัยขั้นพื้นฐานและวิจัยประยุกต์ซึ่งการจะนำไปใช้จะต้องระบุข้อจำกัดและแนวโน้มของผลด้วย
- ข้อมูลจากความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรสุ่ม (random variables relation data) เป็นข้อมูลที่ได้จากความสัมพันธ์ระหว่างตัวแปรทางอุทกวิทยาตั้งแต่ 2 ตัวแปรขึ้นไป
- ข้อมูลอุทกวิทยา คือ
ตอบ ข้อมูลที่ได้จากปรากฎการณ์อุทกวิทยา เช่น ฝน น้ำท่า การระเหย ตะกอน เป็นต้น
- การตรวจสอบข้อมูลทางอุทกวิทยา ได้แก่
ตอบ 1. การตรวจสอบความเชื่อถือได้ (consistency) ของข้อมูลด้วยการทำ double mass analysis โดยเฉพาะกับข้อมูลน้ำฝน มีหลักการโดยการเปรียบเทียบค่าสะสมของปริมาณฝนรายปีของสถานีที่จะตรวจสอบกับค่าสะสมของสถานีต่าง ๆ ที่ตั้งอยู่รอบ ๆ โดยการ Plot ค่าสะสมรายปีของสถานีที่ต้องการตรวจสอบกับค่าเฉลี่ยของค่าสะสมปริมาณฝนรายปีจากสถานีต่าง ๆ บนกระดาษกราฟ หากเชื่อถือได้กราฟที่ได้จะเป็นเส้นตรง หากไม่เป็นเส้นตรงให้ใช้ค่าความลาดชันของเส้นตรงหลังจุดเปลี่ยนแปลงไปปรับแก้โดยคูณกับข้อมูลก่อนจุดเปลี่ยนแปลงของสถานีที่ตรวจสอบ
- การตรวจสอบ non-homogeneity ของข้อมูล เนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมโดยการกระทำของมนุษย์ เช่น การบุกรุกเพื่อเปลี่ยนแปลงสภาพการใช้ที่ดิน การพัฒนาแหล่งน้ำฯลฯและเนื่องจากการกระทำของธรรมชาติ เช่น ไฟป่า อุทกวิทยา ฯลฯ จึงทำให้ข้อมูลไม่เป็นเนื้อเดียวกัน เช่น การเกิด Trend, Jump เป็นต้น ฉะนั้นสถิติหรือพารามิเตอร์ของตัวแปรทางอุทกวิทยาที่จะนำไปวิเคราะห์ก็จะไม่มีความน่าเชื่อถือซึ่งจะทำการตรวจสอบได้ 2 วิธี คือ
- Physical/historical evidence คือ การหาพยานหลักฐานมาสนับสนุนการเกิด non-homogeneity เช่น การเกิดอุทกภัยครั้งใหญ่ หรือมีการพัฒนาโดยมนุษย์อย่างไร ปีใด
- Statistical test คือ การทดสอบสมมุติฐานทางสถิติด้วย t – test และF- test โดย t – test จะใช้ทดสอบค่าเฉลี่ยของประชากร (population) และ F-test จะให้ทดสอบความแปรปรวนของประชากร การทดสอบทั้ง 2 อย่างนี้เป็นสถิติอ้างอิง (inferential statistic) ประเภท parameters ของประชากร จะอ้างอิงจากค่า Statistics ของกลุ่มตัวอย่าง (samples)
- ก่อนสิ้นศตวรรษที่20 ได้มีการจำแนกองค์ความรู้ทางอุทกวิยาออกเป็นสาขาต่าง ๆ ได้ดังนี้คือ
ตอบ – อุทกวิทยาพื้นผิวดิน (Surface hydrology) การศึกษากระบวนการทางอุทกวิทยาที่เกิดขึ้นบน และเหนือผิวโลก
- อุตุ-อุทกวิทยา(Hydrometorology) การศึกษาการเปลี่ยนรูปของน้ำและพลังงานระหว่างพื้นที่บก และผิวน้ำ และบรรยากาศชั้นล่าง (lower atmosphere)
- อุทกวิทยาธรณี (Hydrogeology) ศึกษาการปรากฏพลังงาน การเกิดการกระจายและการเคลื่อนที่ของน้ำใต้ดินทั้งในชั้นดินและหิน ที่เป็นเปลือกโลกบางที่ก็ใช้ภาษาอังกฤษว่า “Geohydrology” นักอุทกวิทยาและวิศวกรมักใช้ Geohydrology ขณะที่นักธรณีจะเรียกว่า “Hydrogeology”
- อุทกวิทยานิเวศ (Ecohydrology) เป็นสาขาใหม่ที่เชื่อมอุทกวิทยากับนิวเศวิทยาเข้าด้วยกันเพื่อศึกษาปฏิสัมพันธ์ระหว่างสิ่งมีชีวิตและวัฏจักรของน้ำ : ศึกษาบทบาทของพืชพรรณในลุ่มน้ำต่อกระบวนการทางอุทกวิทยา
- อุทกวิทยาเกษตรกรรม (Agricultural hydrology) ศึกษาผลกระบทบจากระบบเกษตรกรรม-การเปลี่ยนแปลงการใช้ที่ดินต่อกระบวนการและผลผลิตของน้ำท่าในพื้นที่ลุ่มน้ำ
- อุทกวิทยาไอโซโทป (Isotope hydrology) ศึกษารูปแบบของไอโซโทปของน้ำ (isotopic signature) เป็นการใช้ไอโซโทปคาดประมาณอายุ แหล่งที่มา และการเคลื่อนที่ของน้ำ ตามวัฏฏจักรของมัน
- อุทกวิทยาเคมี (Chemical hydrology): การศึกษาเกี่ยวกับลักษณะทางเคมีของน้ำ
- สารสนเทศอุทกวิทยา (Hydro informatics) การปรับใช้เทคนิคทางสรสนเทศเพื่อการประยุกต์ทางอุทกวิยาและทรัพยากรน้ำ เป็นสาขาหนึ่งที่ประยุกต์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ICTs) เข้ามาช่วยแก้ปัญหาการจัดการทรัพยากรน้ำทีมีหลายวัตถุประสงค์ให้เกิดความเสมอภาคและมีประสิทธิภาพ