ตอบ เมล็ดพืชที่มีชีวิตซึ่งเมื่อนำไปปลูก หรือนำไปขยายพันธุ์แล้วจะได้ต้นที่เจริญงอกงามตรงตามพันธุกรรมของพืชนั้น
ตอบ 4 ประเภท ได้แก่
คือ เมล็ดพันธุ์ที่ผลิตขึ้นโดยนักปรับปรุงพันธุ์ซึ่งต้องทำการคัดเลือกเฉพาะเมล็ดพันธุ์ที่มีคุณสมบัติตามที่นักปรับปรุงพันธุ์กำหนดคิดค้นขึ้นมา ภายใต้การควบคุม หรือตรวจพันธุ์อย่างถี่ถ้วน เมล็ดพันธุ์คัดจะนำไปปลูกเป็นพันธุ์หลักในปีต่อไป
คือ เมล็ดพันธุ์ที่ได้จากการปลูกด้วยเมล็ดพันธุ์คัดภายใต้คำแนะนำและวิธีการของนักปรับปรุงพันธุ์ของกรมวิชาการเกษตรหรือสถาบันวิชาการฯ เพื่อรักษาความบริสุทธิ์และลักษณะประจำพันธุ์ของพืชนั้น ๆ เมล็ดพันธุ์หลักที่ได้นำไปปลูกเป็นพันธุ์ขยายต่อไป
คือ เมล็ดพันธุ์ที่ได้จากการปลูกด้วยเมล็ดพันธุ์หลัก โดยเกษตรกรที่ได้รับการคัดเลือกให้เป็นผู้จัดทำแปลงขยายพันธุ์ ภายใต้การควบคุมดูแลและให้คำแนะนำจากเจ้าหน้าที่ฝ่ายวิชาการและเจ้าหน้าที่ผลิตเมล็ดพันธุ์ของศูนย์ขยายพันธุ์พืช กรมส่งเสริมการเกษตร
คือ เมล็ดพันธุ์ที่ได้จากการปลูกด้วยเมล็ดพันธุ์ขยาย โดยเกษตรกรแปลงขยายพันธุ์ ด้วยการปฏิบัติตามวิธีการที่ได้รับคำแนะนำจากเจ้าหน้าที่ฝ่ายวิชาการ ของศูนย์ขยายพันธุ์พืช กรมส่งเสริมการเกษตร เพื่อผลิตเมล็ดพันธุ์จำหน่ายให้แก่เกษตรกรทั่วไป
เมล็ดก็คล้ายกับสิ่งมีชีวิตทั่วไปที่มีการเจริญเติบโตและมีการเสื่อมเป็นธรรมชาติ แต่การเสื่อมของเมล็ดพันธุ์ มีกฎเกณฑ์ รูปแบบ และเงื่อนไขพิเศษบางประการ ซึ่งแตกต่างจากสิ่งอื่นๆ ยิ่งกว่านั้นคำว่า “เสื่อม” ที่ใช้กับเมล็ดพันธุ์ยังต่างกับที่ใช้เมล็ดพืชทั่วๆ ไปด้วย
ตอบ การที่เมล็ดพันธุ์สูญเสียศักยภาพ หรือความแข็งแรงอันเป็นผลจากการเปลี่ยนแปลงในทางไม่ดีต่างๆ ที่เกิดขึ้นในเมล็ดจนกระทั่งเมล็ดพันธุ์ตายไปในที่สุด
ตอบ กระบวนการเสื่อมคุณภาพของเมล็ดพันธุ์ มีกฎเกณฑ์ทางธรรมชาติ ดังนี้
ธรรมชาติประการหนึ่งของการเสื่อมคุณภาพของเมล็ด คือ การที่เป็นกระบวนการที่ไม่อาจผันกลับได้ กล่าวคือ เมื่อเสื่อมแล้ว ก็เสื่อมเลย ไม่อาจทำให้ดีดังเดิมได้ ในขณะที่รอยแผลที่เกิดขึ้นกับคน หรือสัตว์และต้นไม้อาจจะหายไปได้ในเวลาต่อมา แต่ความเสื่อมที่เกิดขึ้นกับเมล็ดมิอาจหายไปหรือลดลงได้
ตอบ อัตราเร็วในการเสื่อมคุณภาพของเมล็ดพันธุ์ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่อไปนี้ คือ
ชนิดและพันธุ์ องค์ประกอบทางเคมี และโครงสร้างต่างๆ ซึ่งอาจกล่าวเป็นเรื่องของพันธุกรรม
ประวัติความเป็นมา เช่น การถูกกระทบกระเทือนในการเก็บเกี่ยว นวด ตาก และขนส่ง ซึ่งอาจกล่าวว่าเป็นความรุนแรงของความเสื่อมที่ได้เกิดขึ้นก่อนแล้ว
ระดับความลึกหรือความหนักแน่นของการพักตัว
ความชื้นสัมพัทธ์ของอากาศ
ความชื้นเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุด สำหรับการเสื่อมคุณภาพของเมล็ดพันธุ์ ไม่ว่าจะเป็นปริมาณความชื้นที่มีอยู่ในเมล็ดพันธุ์โดยตรง หรือความชื้นสัมพัทธ์ของอากาศ ซึ่งเป็นตัวกำหนดความชื้นของเมล็ดอีกทอดหนึ่งก็ตาม เมล็ดพันธุ์ที่มีความชื้นสูงจะมีการหายใจหรือเผาพลาญอาหารในอัตราสูง ทำให้เกิดความร้อนและความชื้นเพิ่มขึ้น ความร้อนที่สะสมมากขึ้นจะทำให้เมล็ดพันธุ์ยิ่งเสื่อมเร็วขึ้น ทั้งความร้อนและความชื้น นอกจากจะเป็นอันตรายต่อเมล็ดพันธุ์โดยตรงแล้ว ยังช่วยให้โรคราและแมลงเจริญเติบโตและทำลายเมล็ดพันธุ์ได้เร็วขึ้นด้วย
ความชื้นมีความสำคัญต่อเมล็ดพันธุ์ คือทุกๆ 1% ที่ความชื้นในเมล็ดพันธุ์ลดลง อายุการเก็บรักษาของเมล็ดพันธุ์นั้นจะนานขึ้นอีกเท่าตัว ซึ่งหมายความว่า ถ้าเมล็ดพันธุ์ถั่วเหลืองที่มีความชื้น 9% สามารถเก็บรักษาได้นาน 6 เดือน เมล็ดพันธุ์ ถั่วเหลืองดังกล่าวที่มีความชื้น 8% จะสามารถเก็บได้นาน 12 เดือน และเมล็ดพันธุ์ถั่วเหลืองที่มีความชื้น 7% จะสามารถเก็บได้นาน 24 เดือน ดังนี้เป็นต้น
อุณหภูมิของอากาศรอบๆ เมล็ดพันธุ์
อุณหภูมิในโรงเก็บที่ลดลง ทุกๆ 10 0F อายุการเก็บรักษาของเมล็ดพันธุ์จะเพิ่มขึ้น อีก 1 เท่าตัว ซึ่งหมายความว่า หากเก็บรักษาเมล็ดพันธุ์ถั่วเหลืองไว้ที่อุณหภูมิ 700F ได้นาน 6 เดือน การเก็บรักษาไว้ที่อุณหภูมิ 60 0F และ 500F ก็จะเก็บรักษาไว้ได้นาน 12 เดือน และ 24 เดือน ตามลำดับดังนี้เป็นต้น
อิทธิพลของความชื้นและอุณหภูมินั้น ชดเชยและส่งเสริมซึ่งกันและกัน กล่าวคือเมล็ดพันธุ์ที่มีความชื้นต่ำสามารถทนทานต่ออุณหภูมิสูงได้ แต่เมื่อเมล็ดพันธุ์มีความชื้นสูงก็จะยิ่งได้รับอันตรายจากอุณหภูมิสูงได้ง่าย เมล็ดพันธุ์ที่มีความชื้นต่ำจะยิ่งเสื่อมช้าลงไปอีกหากเก็บในที่อุณหภูมิต่ำด้วย
ศัตรูเมล็ด เช่น โรครา แมลง และหนู เป็นต้น
ตอบ การเริ่มต้นเจริญเติบโต หรือกลับคืนเข้าสู่สภาพของการเจริญเติบโตครั้งใหม่ โดยที่เอ็มบริโอจะต้องอยู่ในสภาพดันระยะพักตัวแล้วจึงเจริญเติบโตงอกออกจากเมล็ด การพักตัวของเมล็ดพืช ( dormancy ) เมล็ดพืชมีระยะพักตัวต่าง ๆ กันตามชนิดของพทช บางชนิดไม่มีระยะพักตัวเลย
ตอบ ต้นอ่อนส่วนที่งอกพ้นเปลือกหุ้มเมล็ดออกมาเป็นส่วนแรกคือ แรดิเคิล โดย แทงทะละออกมาทางไมโครไพล์ แล้วเจริญลงสู่ดิน กลายเป็นราก ( primary root ) และจะมีรากชุดสอง ( secondary root ) แตกออกไปเพื่อช่วยค้ำจุน
ตอบ 2 แบบคือ
เป็นลักษณะการงอกที่มีการชูใบขึ้นมาเหนือดิน โดยเมื่อรากอ่อนหรือแรดิเคิลงอกโผล่พ้นเมล็ดออกทางไมโครไพล์เจริญลงสู่พื้นดินก่อน จากนั้นไฮโพคอทิลจะเจริญอย่างรวดเร็วงอกตามออกมา
เป็นลักษณะการงอกที่เมื่องอกแล้วคงทิ้งใบเลี้ยงจมอยู่ใต้ดิน เนื่องจากพืชพวกนี้มีไฮโพคอลิทสั้น เจริญช้า ในขณะที่เอพิคอทิลและยอดอ่อนเจริญยืดยาวได้อย่างรวดเร็วและโผล่ขึ้นเหนือดินโดยไม่ดึงให้ใบเลี้ยงกับไฮโพคอทิลขึ้นมาด้วย
ตอบ 1. เมล็ดต้องมีชีวิตอยู่ หมายความว่า เมล็ดนั้นยังมีชีวิตอยู่และสามารถที่จะงอกได้ ในการเก็บเมล็ดพืชไว้นานๆ เมล็ดพืชจะหมดอายุทำให้เพาะไม่งอก หรือมีอัตราการงอกต่ำ
ในเมล็ดได้มากขึ้น เมล็ดจะดูดน้ำเข้าไปทำให้เมล็ดพองตัวขยายขนาด และมีน้ำหนักเพิ่มขึ้น น้ำจะเป็นตัวกระตุ้นปฏิกิริยาทางชีวเคมีต่างๆ ภายในเมล็ดมีการกระตุ้นการสร้างเอนไซม์เพื่อย่อยสลายสารอาหารที่สะสมในเมล็ด
เอนไซม์ที่เกิดขึ้นในเมล็ดเ เช่น อะไมเลส จะย่อยแป้งให้เป็นมอลโทส โปรตีเอส จะย่อยโปรตีนให้เป็นกรดอะมิโน ทั้งมอลโทสและกรดอะมิโนละลายน้ำได้ และแพร่เข้าไปในเอ็มบริโอเพื่อใช้ในการหายใจและการเจริญเติบโต นอกจากนี้น้ำยังเป็นตัวทำละลายสารอื่นๆที่สะสมในเมล็ดและช่วยในการลำเลียงสารอาหารไปใช้ตัวอ่อนใช้ในการงอก
เมล็ดพืชเขตหนาวจะงอกได้ดีในช่วงอุณหภูมิ 10-20 องศาเซลเซียส เช่น หอมหัวใหญ่และผักกาดหัว งอกได้ดีที่อุณหภูมิ20 องศาเซลเซียส แต่ก็มีบางชนิดต้องการอุณหภูมิในช่วงกลางวันและกลางคืนที่ต่างกัน หรือให้อุณหภูมิต่ำสลับกับอุณหภูมิสูง การงอกจะเกิดดี เช่น บวบเหลี่ยม ถ้าให้อุณหภูมิ 20 องศาเซลเซียสเป็นเวลา 16 ชั่วโมง สลับกับอุณหภูมิ 30
องศาเซลเซียส เป็นเวลา 8 ชั่วโมงเมล็ดจึงจะงอกได้ดี
ตอบ ระยะพักตัวของเมล็ดเนื่องมาจากสาเหตุใดสาเหตุหนึ่งหรือหลายสาเหตุรวมกันคือ
วิธีการแก้การพักตัวของเมล็ดจากสาเหตุนี้ อาจทำได้โดยการแช่น้ำร้อน หรือแช่ในสารละลายกรด
เพราะจะทำให้เปลือกหุ้มเมล็ดอ่อนนุ่ม การใช้วิธีกลโดยการทำให้เปลือกหุ้มเมล็ดแตกออกมีหลายวิธี เช่นการเฉือนเปลือกแข็งบางส่วนของเมล็ดมะม่วงหรือวิธีนำไปให้ความร้อนโดยการเผา หรือการใช้ความเย็น สลับกับความร้อนซึ่งมักจะเก็บไว้ในที่อุณหภูมิต่ำระยะหนึ่งแล้วจึงนำออกมาเพาะ
วิธีการแก้การพักตัวอาจทำได้โดยการเพิ่มแก็สออกซิเจน หรือใช้วิธีกลทำให้เปลือกหุ้มเมล็ดแตก
มะเขือเทศทำไห้เมล็ดไม่สามารถงอกได้ จนกว่าจะถูกชะล้างไปจากเมล็ด การแก้การพักตัวของเมล็ด อาจล้างเมล็ดก่อนเพาะหรือการใช้สารเร่งการงอก เช่น จิเบเรลลิน ( gibberellin ) นอกจากนี้เมล็ดพืชในเขตหนาวของโลก เช่น แอปเปิ้ล เชอรี่ ต้องมีการปรับสภาพภายใน โดยการผ่านฤดูหนาวที่มีอุณหภูมิต่ำและมีความชื้นสูงจึงจะงอก เพราะอุณหภูมิที่ต่ำนี้ทำให้ปริมาณของกรดแอบไซซิก( abscisic acid ) ที่ยับยั้งการงอกของเมล็ดลดลงได้ ในขณะที่จิบเบอเรลลิน หรือไซโทไคนิน( cytokinin ) ที่ส่งเสริมการงอกของเมล็ดจะเพิ่มขึ้น
หน้าที่เข้าชม | 2,112,106 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 1,481,449 ครั้ง |
เปิดร้าน | 30 ก.ค. 2557 |
ร้านค้าอัพเดท | 22 ต.ค. 2568 |