ตอบ “พลังงาน” (Energy) มีการกล่าวถึงในความหมายที่แตกต่างกัน ซึ่งขึ นอยู่กับวัตถุประสงค์ของผู้ใช้เป็นส้าคัญ โดยอาจมีการก้าหนดให้หมายถึง แรง (Force) งาน (Work) ความร้อน (Heat) หรือ ก้าลังงาน (Power)
ในความเข้าใจของคนทั่วไป “พลังงาน” อาจหมายถึง เชื อเพลิงที่ใช้ในการหุงหาอาหารในครัวเรือน พลังงานไฟฟ้าที่ใช้กันโดยทั่วไป หรือหมายถึงเชื อเพลิงส้าหรับยานพาหนะ คือ น้ามัน เป็นต้น
สำหรับวิศวกร “พลังงาน” มักถูกนิยามในความหมายของแรงที่สามารถน้าไปใช้ท้างานได้ เช่น พลังงานน้าและพลังงานลม คือ แรงจากน้าและลมที่ใช้หมุนกังหันเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้า เป็นต้น
ส่วนในมุมมองทางวิทยาศาสตร์ “พลังงาน” หมายถึง ความสามารถของสสารหรือวัตถุในการท้างานหรือความสามารถในการให้ความร้อนได้ ซึ่งสสารและวัตถุนี จะถูกเรียกว่าเป็นแหล่งพลังงาน
ตอบ “พลังงานทดแทน” คือ พลังงานที่ใช้แทนน้ามันเชื อเพลิง ซึ่งเป็นพลังงานหลักที่ใช้กันอยู่ทั่วไปในปัจจุบัน พลังงานทดแทนแบ่งออกเป็น 2 ประเภทคือ
ตอบ พลังงานฟอสซิล มีแนวโน้มว่าจะขาดแคลนและมีราคาสูงขึ้น นอกจากนี้การใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลยังก่อให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมที่เกิดจากการแสวงหาเชื้อเพลิง การเปลี่ยนรูปพลังงาน และของเสียที่เกิดจากการผลิตและใช้พลังงาน
>> พลังงานปฐมภูมิ มีการเปลี่ยนรูปมาใช้งานในรูปของไฟฟ้าหรือพลังงานกล และ ความร้อนมากขึ้น
>> เทคโนโลยีด้านพลังงานในอนาคตมีแนวโน้มว่าจะมีการใช้พลังงานทดแทน(Alternative Energy) มากขึ้น
พลังงานเชิงพาณิชย์(Commercial Energy) คือ พลังงานที่ต้องอาศัยกลไกของตลาดในการส่งผ่านหรือกระจายพลังงานไปยังผู้ใช้ เป็นพลังงานที่ต้องอาศัยการซื อขายผ่านระบบของตลาด และยังเป็นพลังงานประเภทที่มีการใช้มากที่สุดในโลก
น้ามัน (Oil)
น้ามันเป็นพลังงานเชิงพาณิชย์ที่มีการใช้มากที่สุดในโลก
ก๊าซธรรมชาติ (Natural Gas: NG)
ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้า (รองจากถ่านหิน)
ถ่านหิน (Coal)
-ถ่านหินเป็นแหล่งพลังงานเชิงพาณิชย์เพียงชนิดเดียวที่พบมากที่สุดในแถบยุโรป เอเชียแปซิฟิก และอเมริกาเหนือ
-ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิงที่สำคัญในการผลิตไฟฟ้า
ตอบ จากรายงาน World Energy Technology and Climate Policy Outlook 2030 (WETO)สามารถสรุปสถานการณ์แนวโน้มในอนาคตทางด้านพลังงานของโลกจนกระทั่งถึงปี ค.ศ. 2030 ได้ดังนี้
ประชากรและการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของโลก
– จำนวนประชากรโลกมีการเพิ่มขึ้นในอัตราที่ลดลงทุกช่วงเวลาที่พิจารณา โดยลดลงจาก 1.5% ในอดีต เหลือเพียงประมาณ 1% ในช่วงปี 2000 –2030
– ค่า GDP ปัจจุบัน มีการเพิ่มขึ้นในอัตราที่สูงกว่าในช่วงก่อนปี 2000 โดยมีการเพิ่มขึ้นปีละประมาณ 3.5% แต่มีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นในอัตราที่ชะลอตัวลงในอนาคต โดยคาดว่าจะเติบโตเพียง 3.2% ต่อปีในช่วงปี 2010 –2020 และจะเติบโตเพียง 2.6% ต่อปีในช่วงปี 2020 –2030
ความต้องการพลังงานของโลก
– ความต้องการพลังงานของโลกเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน และไม่มีแนวโน้มที่จะลดลงในอนาคต
– พลังงานทุกประเภทมีแนวโน้มที่จะถูกใช้มากขึ้นในอนาคต โดยพลังงานที่มีบทบาทสาคัญที่สุดหรือมีสัดส่วนการใช้มากที่สุด คือ น้ามัน รองลงมาคือ ถ่านหินและก๊าซธรรมชาติ
ความต้องการพลังงานแบ่งตามเขตพื้นที่
– เมื่อพิจารณาแบ่งพื้นที่ในโลกออกเป็นเขตที่มีการใช้พลังงานมาก
– พบว่าเขตอเมริกาเหนือเป็นพื้นที่ที่มีการใช้พลังงานมากที่สุดอย่างชัดเจนทั้งในอดีต ปัจจุบัน และ
อนาคต รองลงมาได้แก่ ประเทศญี่ปุ่น และประเทศในกลุ่มสหภาพยุโรป
การใช้พลังงานในภาคเศรษฐกิจต่างๆ
– เมื่อพิจารณาแบบแบ่งภาคในระบบเศรษฐกิจ และพิจารณาจากการใช้พลังงานขั้นสุดท้าย หรือ
การใช้พลังงานของผู้บริโภคลาดับสุดท้าย
– ภาคการคมนาคมขนส่งมีสัดส่วนการใช้พลังงานสูงที่สุด รองลงมาได้แก่ ภาคอุตสาหกรรม และ
ภาคครัวเรือน, บริการ และเกษตรกรรม
แนวโน้มราคาน้ามันและก๊าซธรรมชาติ
– แนวโน้มราคาน้ามันและก๊าซธรรมชาติ ในอดีตพบว่าราคาน้ามันและก๊าซธรรมชาติได้พุ่งสูงขึ้นอย่างมากในช่วงที่เกิดวิกฤตด้านราคาน้ามัน ในช่วงปี ค.ศ. 1975 -1980
-หลังจากนั้นราคาได้ปรับตัวลดลงในช่วงปี 1980 ถึง 1997 และค่อยๆ เพิ่มขึ้นแบบค่อยเป็นค่อยไป
การผลิตไฟฟ้า
– การผลิตไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงประเภทต่างๆ จากอดีตจนถึงปัจจุบัน พบว่าเชื้อเพลิงที่มีบทบาทสำคัญที่นามาใช้ในการผลิตไฟฟ้ามากที่สุด คือ ถ่านหิน แต่มีแนวโน้มที่จะนามาใช้น้อยลงในอนาคต
– พลังงานที่คาดว่าจะมีบทบาทมากขึ้นในอนาคตได้แก่ ถ่านหินสะอาด และก๊าซธรรมชาติ
การใช้ประโยชน์จากพลังงานหมุนเวียน
– เมื่อพิจารณาการใช้ประโยชน์จากพลังงานหมุนเวียน โดยเฉพาะการนามาผลิตกระแสไฟฟ้า
– พบว่า พลังงานชีวมวลและพลังงานน้ายังคงมีบทบาทสาคัญทั้งในอดีต ปัจจุบัน และต่อเนื่องไป
ในอนาคต
– นอกจากนี้ในอนาคตพลังงานลมจะเป็นพลังงานที่มีบทบาทเพิ่มมากขึ้น
– ขณะที่พลังงานแสงอาทิตย์ยังคงมีการนามาใช้ไม่มากนัก
ตอบ 1. ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากการใช้พลังงาน
“ภาวะโลกร้อน” เป็นประเด็นด้านสิ่งแวดล้อมที่มีการพูดถึงมากที่สุด เกิดจากการใช้พลังงานอย่างไม่มีประสิทธิภาพ
ตอบ – ราคาพลังงานที่สูงขึ้นอย่างรวดเร็ว
ตอบ การใช้ก๊าซธรรมชาติ รองลงมา คือถ่านหินและน้ำมัน
ตอบ น้ำมันใช้ได้อีกประมาณ 40 ปี
ก๊าซธรรมชาติใช้ได้อีกประมาณ 62 ปี
ถ่านหินใช้ได้อีกประมาณ 220 ปี
ตอบ น้ำมันใช้ได้อีกประมาณ 12 ปี
ก๊าซธรรมชาติใช้ได้อีกประมาณ 30 ปี
ถ่านหินใช้ได้อีกประมาณ 62 ปี
ตอบ 1.เป็นประเทศที่บริโภคพลังงานมากเป็นอันดับสองในกลุ่มอาเซียนรองจากอินโดนีเซีย
2.ความต้องการพลังงานเติบโตโดยเฉลี่ยปีละ 2.3% จนถึงปีพ.ศ. 2573
3.ต้องพึ่งพิงพลังงานประเภทซากพืชและสัตว์ (fossil) สูงมาก
– น้ามันสาหรับการคมนาคมและขนส่ง ร้อยละ 67
– ก๊าซธรรมชาติสาหรับการผลิตไฟฟ้า ร้อยละ 65
– 0.98 ในปี 2554
5.ทรัพยากรธรรมชาติด้านพลังงานในประเทศมีจากัด
– ผลิตน้ามันดิบได้เอง 2.1 แสนบาร์เรล/วัน ในขณะที่มีความต้องการ 8 แสนบาร์เรล/วัน
– ปริมาณสารองก๊าซธรรมชาติในประเทศใช้ไปได้อีกไม่เกิน 20 ปี ตามอัตราการใช้ในปัจจุบัน
– น้ำมันดิบ 84%
– ถ่านหิน 49%
– ก๊าซหุงต้ม (LPG) 24%
– ก๊าซธรรมชาติ (NG) 21%
– ไฟฟ้า 3%
– น้ามันสาเร็จรูป 1%
– เริ่มนาเข้าก๊าซธรรมชาติอัดเหลว (LNG) ตั้งแต่ปีนี้เป็นต้นไป
– นำเข้าก๊าซธรรมชาติเพิ่มเป็น 50% ในปีพ.ศ. 2573
หน้าที่เข้าชม | 2,112,106 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 1,481,449 ครั้ง |
เปิดร้าน | 30 ก.ค. 2557 |
ร้านค้าอัพเดท | 22 ต.ค. 2568 |