ตอบ เป็นการปฏิบัติการพยาบาลในชุมชนแก่บุคคล ครอบครัว กลุ่มคน และชุมชน ซึ่งจำเป็นต้องใช้องค์ความรู้ทางการพยาบาลเป็นหลัก โดยเฉพาะแนวคิดทฤษฎีทางการพยาบาลและกระบวนการพยาบาล
ตอบ 1. แนวคิดทฤษฎีทางการพยาบาล – เพื่อเข้าใจมโนมติเกี่ยวกับมนุษย์ สิ่งแวดล้อม สุขภาพ การเจ็บป่วย และการพยาบาล ซึ่งแนวคิดทฤษฎีทางการพยาบาลที่นิยมนามาใช้ในการพยาบาลอนามัยชุมชน เช่น ทฤษฎีการดูแลตนเองของโอเรม ทฤษฎีระบบการดูแลสุขภาพของนิวแมน ทฤษฎีการดูแลด้านวัฒนธรรมของไลนิงเจอร์ เป็นต้น รวมถึงทฤษฎีที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพอื่นๆ เช่น ทฤษฎีแบบจาลองการสร้างเสริมสุขภาพของเพนเดอร์ แบบจาลองความเชื่อด้านสุขภาพของโรเซนสต็อก ที่นิยมนามาใช้ในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพของผู้รับบริการ เป็นต้น
ตอบ เพื่อให้ชุมชนบรรลุเป้าหมายในการพัฒนาคุณภาพชีวิตและมีสุขภาวะ ดังนั้น ในการดาเนินงานจึงกำหนดวัตถุประสงค์เพื่อเป็นกรอบในการกำหนดกิจกรรมการดาเนินงาน ดังนี้
ตอบ 3 ด้าน ประกอบด้วย ด้านปฏิบัติการ ด้านการบริหารจัดการ และด้านวิชาการ
ตอบ ให้บริการแก่บุคคล ครอบครัว และชุมชนตามขอบเขตความรับผิดชอบ โดยเป็นบริการที่ครบถ้วน ผสมผสาน และต่อเนื่อง กล่าวคือ ให้บริการครบถ้วนทั้ง 4 ด้าน คือ การส่งเสริมสุขภาพ การป้องกันโรค การรักษาพยาบาลเบื้องต้น และการฟื้นฟูสภาพ บริการทั่วถึงครอบคลุมทั้งบุคคลในภาวะสุขภาพปกติ กลุ่มเสี่ยง และกลุ่มผู้ป่วย รวมถึงบุคคลในระยะพัฒนาการต่างๆ ด้วย โดยจัดบริการอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ระยะก่อนป่วย ระยะป่วย และระยะฟื้นฟู โดยต้องนาแนวคิดทฤษฎีทางการพยาบาลมาประยุกต์ใช้ในการปฏิบัติงานให้เหมาะสมด้วย
1.1) บริการด้านการรักษาพยาบาลเบื้องต้น – พยาบาลชุมชนมีหน้าที่ ดังนี้
– การตรวจคัดกรอง (Screening) เพื่อค้นหาผู้ที่มีความเสี่ยงหรือความผิดปกติ ให้ได้รับการตรวจวินิจฉัยและรับการรักษาตั้งแต่เริ่มแรก (Early detection) เพื่อให้หายได้เร็ว ไม่เสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อน เช่น ความพิการ การป่วยเรื้อรัง การเสียชีวิต เป็นต้น ตัวอย่างเช่น การตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านม มะเร็งปากมดลูก ซึ่งการค้นพบโรคแต่เนิ่นๆ จะทาให้การรักษาได้ผลดีมากกว่ารอจนปรากฏอาการแสดงที่ชัดเจน
– การรักษาพยาบาลเบื้องต้นแก่ผู้ป่วย การปฐมพยาบาลผู้บาดเจ็บ รวมถึงการพิจารณาส่งต่อผู้ป่วยเพื่อรับการรักษาโดยแพทย์ในรายที่มีความจาเป็น ทั้งนี้ การปฏิบัติงานของพยาบาลชุมชนต้องอยู่ภายใต้ขอบเขตของกฎหมายและจรรยาบรรณวิชาชีพ
– การติดตามดูแลผู้ป่วยอย่างต่อเนื่องจนกว่าจะหายหรือควบคุมโรคได้ เพื่อให้ผู้ป่วยปฏิบัติตนได้ถูกต้องเหมาะสมกับภาวะสุขภาพ การให้ความรู้และคาแนะนาด้านสุขภาพแก่ผู้ป่วยและครอบครัว หรือการให้สุขศึกษารายกลุ่มสาหรับกลุ่มผู้ที่มีปัญหาสุขภาพเช่นเดียวกันในชุมชน รวมถึงการให้กาลังใจ การเสริมสร้างพลังอานาจทั้งแก่บุคคล ครอบครัว และชุมชนในการจัดการปัญหาสุขภาพของตนเอง เป็นต้น
1.2) ด้านการป้องกันโรค
– การให้สุขศึกษาหรือความรู้ด้านสุขภาพแก่ประชาชน ทั้งรายบุคคล รายครอบครัว และรายกลุ่ม เพื่อให้ประชาชนสามารถนาไปใช้ในชีวิตประจาวันได้
– การป้องกันโรคเฉพาะ โดยการให้วัคซีนในกลุ่มเป้าหมายต่างๆ ที่มีความเฉพาะเจาะจงกับโรคและวัคซีนแต่ละชนิด เช่น ไวรัสตับอักเสบบี บาดทะยัก คอตีบ ไอกรน โปลิโอ หัด หัดเยอรมัน คางทูม ไข้สมองอักเสบเจอี ไข้หวัดใหญ่บางสายพันธุ์ เป็นต้น
– การป้องกันโรคทั่วๆ ไป โดยการควบคุมดูแลสุขาภิบาลสิ่งแวดล้อมให้เหมาะสม ไม่ให้เป็นปัจจัยเสี่ยงต่อสุขภาพ เช่น การกาจัดขยะให้ถูกวิธี มีน้าสะอาดบริโภค การจัดการปัญหาผุ่นละอองและมลพิษต่างๆ เป็นต้น
1.3) ด้านการส่งเสริมสุขภาพ – เป็นงานหลักของพยาบาลชุมชน โดยมีประชาชนทุกกลุ่มอายุเป็นเป้าหมาย เช่น การส่งเสริมด้านโภชนาการ การออกกาลังกาย พัฒนาการตามวัย สุขภาพจิต สติปัญญา อารมณ์ สังคม ฯลฯ โดยวิธีการ เช่น การให้คาแนะนาปรึกษา การสุขศึกษา การใช้กระบวนการกลุ่มต่างๆ เป็นต้น
1.4) ด้านการฟื้นฟูสุขภาพ – เป็นบริการที่คนในชุมชนห่างไกลจากโรงพยาบาลมักจะเข้าไม่ถึง โดยเฉพาะคนยากจนและคนด้อยโอกาส ทาให้คนจานวนหนึ่งกลายเป็นคนพิการไปตลอดชีวิต ทั้งที่ควรจะช่วยตนเองได้มากกว่าที่เป็นอยู่ เพราะขาดโอกาสในการรับบริการฟื้นฟูสภาพ ดังนั้น พยาบาลชุมชนจึงควรประยุกต์วิธีการฟื้นฟูสุขภาพแก่คนในชุมชนโดยอาศัยภูมิปัญญาและทรัพยากรที่มีอยู่ในท้องถิ่น เพื่อให้คนเหล่านี้ได้รับการฟื้นฟูสุขภาพอย่างเหมาะสมและต่อเนื่องที่บ้าน โดยไม่ต้องซื้อหาอุปกรณ์ราคาแพง และควรสอนให้ครอบครัวมีความรู้และทักษะที่จาเป็นในการช่วยฟื้นฟูสุขภาพผู้ป่วยของตนเอง
ตอบ – เป็นผู้วางแผนงาน ซึ่งพยาบาลจาเป็นต้องทราบนโยบายและทิศทางการพัฒนาสุขภาพของหน่วยงาน ท้องถิ่น และประเทศ เพื่อให้สามารถวางแผนงานได้สอดคล้องกับสถานการณ์ขณะนั้น
– จัดระบบงาน กาลังคน ทรัพยากร และงบประมาณ รวมถึงจัดหาแหล่งประโยชน์ให้พร้อมสาหรับการปฏิบัติงานให้มีประสิทธิภาพ
– ติดต่อประสานงานทั้งภายในและภายนอกหน่วยงาน การควบคุมงาน การนิเทศงาน เพื่อให้งานดาเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพ
– ประเมินผลการดาเนินงาน และวางแผนพัฒนา แก้ไขข้อบกพร่องต่างๆ ให้เหมาะสมกับการดาเนินงานขั้นต่อไป
ตอบ – การวิจัย หรือมีส่วนร่วมในการวิจัย เพื่อให้ได้องค์ความรู้ใหม่ หรือพัฒนานวัตกรรมทางการพยาบาลอนามัยชุมชน
ตอบ 1) เป็นผู้ให้บริการด้านสุขภาพ (Health care provider) ทั้งในกลุ่มผู้ป่วยและผู้ที่ไม่ป่วย เป็นการให้บริการแบบครบถ้วน ผสมผสาน แก่บุคคล ครอบครัว และชุมชน ทั้งที่บ้าน ในชุมชน ในสถานประกอบการ โรงงาน โรงเรียน และในสถานบริการสุขภาพ โดยเน้นการส่งเสริมสุขภาพและการป้องกันโรคเป็นสำคัญ
2) เป็นผู้ให้ความรู้ด้านสุขภาพ (Health educator) โดยการให้สุขศึกษาในรูปแบบต่างๆ ที่เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมาย
3) เป็นผู้พิทักษ์ผลประโยชน์ (Advocator) ให้ประชาชนมีความรู้เกี่ยวกับสิทธิด้านสุขภาพของตนเองตามที่กฎหมายกาหนด เช่น สิทธิพื้นฐานในการรับบริการ สิทธิมนุษยชน สิทธิผู้ป่วย สิทธิในการรับรู้ข้อมูลข่าวสารสุขภาพของตนเอง สิทธิในการตัดสินใจเลือกรับบริการหรือเปลี่ยนวิธีการรักษา สิทธิต่อชีวิต ฯลฯ
4) เป็นผู้บริหารจัดการ (Manager) ให้การดาเนินงานด้านการพัฒนาสุขภาพเป็นไปอย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพ
5) เป็นผู้ให้คาปรึกษา (Counselor) แก่ผู้ที่มีปัญหาสุขภาพทั้งด้านสุขภาพกาย สุขภาพจิต ฯลฯ
6) เป็นผู้วิจัย (Researcher) การวิจัยมีความสาคัญในการพัฒนาวิชาชีพและพัฒนางาน เพื่อปรับปรุงบริการพยาบาลอนามัยชุมชนให้มีประสิทธิภาพ เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ผู้รับบริการ
7) เป็นผู้นาการเปลี่ยนแปลง (Change agent) กระตุ้นหรือทาให้ชุมชนเกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมสุขภาพในทางที่ดีขึ้น
8) เป็นผู้นา (Leader) การเป็นผู้มีความรู้ด้านสุขภาพเป็นอย่างดี ทาให้พยาบาลชุมชนได้รับความเชื่อถือจากชุมชนในฐานะเป็นผู้นาด้านสุขภาพ ช่วยชี้แนะแนวทางการปฏิบัติเพื่อส่งเสริมหรือแก้ไขปัญหาสุขภาพต่างๆ
9) เป็นผู้ประสานงาน (Co-ordinator) พยาบาลชุมชนต้องใช้ทักษะการประสานงานกับบุคคลและหน่วยงานทุกฝ่าย ทุกระดับ เพราะจาเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากหลายฝ่ายในการดาเนินงานด้านสุขภาพ ทั้งทีมสุขภาพวิชาชีพต่างๆ ผู้นาชุมชน อสม. อปท. ครู พระ นักสังคมสงเคราะห์ ฯลฯ
10) เป็นผู้ให้ความร่วมมือ (Collaborator) กับทุกฝ่ายในการช่วยกันพัฒนาชุมชนแบบบูรณาการทุกมิติ
ตอบ 1) เป็นผู้มีความรู้ – พยาบาลชุมชนต้องมีความรู้และทักษะด้านการพยาบาลสาขาต่างๆ รวมถึงองค์ความรู้ในศาสตร์สาขาอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น ด้านสังคมศาสตร์และพฤติกรรมศาสตร์ และสามารถนามาประยุกต์ใช้ในกระบวนการพยาบาลอนามัยชุมชนได้เป็นอย่างดี
2) ทักษะการสื่อสาร – ทั้งการพูดและการเขียน (Verbal communication) และภาษากาย การแสดงท่าทาง (Non-verbal communication) เพื่อให้เกิดการเข้าใจตรงกันให้มากที่สุดในทุกฝ่าย หากพยาบาลชุมชนมีทักษาการสื่อสารไม่ดี จะเป็นอุปสรรคในการทางานเป็นอย่างมาก
3) ทักษะการเป็นผู้นา – พยาบาลชุมชนต้องมีการบริหารจัดการ การตัดสินใจ การประสานงาน และการทางานร่วมกับชุมชนและหน่วยงานอื่นๆ จานวนมาก ซึ่งทักษะภาวะผู้นาจะช่วยให้พยาบาลได้รับการยอมรับจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องและช่วยให้การทางานสะดวกและได้รับความร่วมมือที่ดีมากขึ้น
4) เป็นผู้เรียนรู้ตลอดชีวิต – พยาบาลชุมชนต้องพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง ทั้งในด้านวิทยาการสุขภาพ สถานการณ์การเปลี่ยนแปลงทางสังคม นโยบายของประเทศและองค์การอนามัยโลก เป็นต้น เพื่อนามาพัฒนาการปฏิบัติงานให้สอดคล้องกับสถานการณ์
ตอบ 1. แนวคิดเกี่ยวกับความเชื่อด้านสุขภาพในสังคมไทย ได้แก่ 1.1) แนวคิดเรื่องธาตุ 1.2) แนวคิดไสยศาสตร์ 1. 3) แนวคิดโหราศาสตร์ 1.4) ทฤษฎีเชื้อโรค 1.5) แนวคิดชีวเวชศาสตร์หรือการแพทย์แบบชีวกลไก 1.6) แนวคิดสุขภาพองค์รวม
3.1 ปัจจัยชักนา (Predisposing characteristics) ได้แก่ ลักษณะด้านประชากร เช่น อายุ เพศ สถานภาพสมรส การศึกษา อาชีพ เชื้อชาติ ศาสนา, โครงสร้างทางสังคม เช่น สถานภาพของบุคคลในสังคมที่อาจแสดงถึงความสามารถในการจัดการกับปัญหาหรือการเข้าถึงแหล่งทรัพยากร, ความเชื่อเกี่ยวกับสุขภาพ ซึ่งรวมไปถึงเจตคติ ค่านิยม ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับสุขภาพและบริการสุขภาพระบบต่างๆ
3.2 ปัจจัยสนับสนุน (Enabling resources) เช่น ครอบครัว เครือญาติ ชุมชน ระบบสวัสดิการและการประกันสุขภาพ เป็นต้น
3.3ปัจจัยด้านความต้องการ (Needs) เป็นความต้องการที่เกิดจากการรับรู้ของแต่ละบุคคลเกี่ยวกับการเจ็บป่วย ความรุนแรง และวิธีการรักษา
หน้าที่เข้าชม | 2,112,106 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 1,481,449 ครั้ง |
เปิดร้าน | 30 ก.ค. 2557 |
ร้านค้าอัพเดท | 22 ต.ค. 2568 |