ตอบ การสืบสวน สอบสวน
ตอบ เป็นกระบวนการแสวงหาความจริงเพื่อนำไปสู่การค้นพบธรรมชาติ ลักษณะคุณสมบัติของสิ่งต่างๆ ตลอดจนการค้นพบหลักเกณฑ์ของธรรมชาติแล้วนำกฏเกณฑ์นั้นมาประยุกต์ใช้อย่างสร้างสรรค์เพื่อการควบคุมสิ่งแวดล้อมทั้งภายในและภายนอกของมนุษย์
ตอบ การสอนแบบการแก้ปัญหา
ตอบ 1. เพื่อให้ผู้เรียนฝึกสังเกตวิเคราะห์ สิ่งแวดล้อมด้วยประสาทสัมผัสทั้ง 5
ตอบ การรวบรวมพยานหลักฐานและการดำเนินการทั้งหลาย เพื่อที่จะทราบข้อเท็จจริงหรือการพิสูจน์ความผิดของบุคคลที่ถูกกล่าวหาว่าได้กระทำความผิดวินัย ให้ได้ความจริงและยุติธรรม เพื่อที่จะลงโทษผู้กระทำความผิดตามความเหมาะสมแห่งพฤติการณ์ในการกระทำความผิด
ตอบ ๑. เคารพต่อหลักสิทธิและเสรีภาพตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ
๒.อำนวยความยุติธรรมแก่คู่กรณีอย่างเสมอภาคโดยถูกต้องตามกฎหมายและศีลธรรม
๓. แสวงหาและรวบรวมพยานหลักฐานตามหลักเกณฑ์แห่งกฎหมาย ไม่บิดเบือนข้อเท็จจริง
๔. วิเคราะห์ข้อเท็จจริงให้ได้เหตุผล อันน่าเชื่อว่าผู้นั้นได้กระทำความผิด ก่อนมีการแจ้งข้อ
กล่าวหา
๕. ให้ความสำคัญและให้ความคุ้มครองต่อสิทธิของพยาน
๖. รักษาความลับในการสอบสวน
๗. สำนึกและยึดมั่นในวิชาชีพของนิติกรที่ทำหน้าที่สอบสวน
ตอบ ๑. รู้หลักจิตวิทยา
๒. มีความรู้ทั่วไปกว้างขวาง
๓. มีเชาว์ไหวพริบ
๔. มีบุคลิกภาพดี
๕. มีความพากเพียรพยายาม
๖. รู้จักทำความเชื่อมโยง
๗. มีวาจาสัตย์
๘. ความสามารถในการสังเกตและอ่านกิริยาท่าทีผู้ถูกซักถาม
ตอบ (๑) ศึกษาข้อมูลพื้นฐานของพยานที่มาให้ข้อเท็จจริงให้มากที่สุด เช่น คุณวุฒิ วัยวุฒิ รวมทั้งอุปนิสัยของพยาน เป็นต้น
(๒) ก่อนเริ่มคำถามควรแนะนำตัวเอง และบอกเล่าถึงเหตุแห่งการเชิญพยานมาให้ถ้อยคำ เพื่อให้พยานรู้สึกผ่อนคลายความวิตกกังวล
ตอบ (๑) ต้องให้ผู้ให้ถ้อยคำเล่าทุกสิ่งทุกอย่างที่รู้เห็นมาเกี่ยวกับข้อเท็จจริงนั้นด้วยวาจาตั้งแต่ต้นจนจบ และซักถามจนเข้าใจเรื่องราวจากปากคำจนกระจ่างที่สุดจึงเริ่มบันทึก
(๒) การจดบันทึก ต้องจดให้ตรงกับที่ให้ถ้อยคำและตรงประเด็น (๓) จะซักถามอย่างไรต้องรู้ว่าข้อกล่าวหามีประเด็นอย่างไร
(๔) ต้องพิจารณาด้วยว่าเป็นพยานประเภทใด เช่น ประจักษ์พยาน พยานบอกเล่า หรือพยานพฤติเหตุแวดล้อม
(๕) ต้องบันทึกปากคำพยานทุกปาก แม้จะมีข้อเท็จจริงเหมือนกัน (๖) การให้ถ้อยคำว่าไม่รู้ไม่เห็นของพยานจะต้องบันทึกไว้ อย่าปล่อยทิ้งไป
(๗) พยานแวดล้อมในกรณีไม่มีประจักษ์พยานเป็นเรื่องสำคัญ (๘) การสอบถามปากคำพยานและการให้ถ้อยคำต้องมีลักษณะตอบคำถามอยู่ในตัวว่าใคร ทำอะไร กับใคร ที่ไหน เมื่อไรทำทำไม ทำอย่างไร ผลเป็นอย่างไร
(๙) การให้ถ้อยคำของพยานพาดพิงไปถึงบุคคลอื่นต้องสอบปากคำพยานที่ถูกพาดพิงถึง
(๑๐) เมื่อบันทึกคำให้การเสร็จเรียบร้อยแล้วต้องอ่านให้ผู้ให้ถ้อยคำฟังอีกครั้งหนึ่งและบันทึกว่า “อ่านให้ฟังแล้วรับว่าถูกต้อง จึงลงลายมือชื่อไว้เป็นหลักฐาน”
(๑๑) การสอบสวนเพิ่มเติมทุกครั้งต้องอ่านคำให้การเดิมให้ผู้ให้ถ้อยคำฟังก่อนทุกครั้ง
(๑๒) ควรบันทึกถ้อยคำตามถ้อยคำสำนวนของพยานที่มาให้ถ้อยคำ
ตอบ (๑) พยานประเภทไม่รู้เรื่องอะไรทั้งสิ้น
(๒) พยานประเภทไม่สนใจ ไม่ยอมให้ความร่วมมือ
(๓) พยานประเภทขี้สงสัย ขี้ระแวง
(๔) พยานประเภทช่างพูด ขี้คุย
(๕) พยานประเภทที่พูดตามความจริง
(๖) พยานเท็จ
(๗) พยานประเภทขี้อาย
(๘) พยานประเภทขี้โม้
(๙) พยานประเภทปฏิเสธ
ตอบ ๔ ประเภท ได้แก่
(๑) พยานบุคคล เป็นคำให้การหรือคำเบิกความของผู้ที่ประสบพบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วยตนเอง หรือพยานที่ได้รับการบอกเล่ามาจากบุคคลอื่น
(๒) พยานเอกสาร เป็นข้อมูลหรือข้อความ เรื่องราวที่เกี่ยวกับข้อเท็จจริงในคดี
(๓) พยานวัตถุ สถานที่ เป็นจำพวกเทปบันทึกเสียงหรือแผ่นซีดีบันทึกเสียง รูปถ่ายสถานที่บันทึกลักษณะหรือสภาพของวัตถุ
(๔) พยานผู้เชี่ยวชาญ เป็นความเห็นของผู้เชี่ยวชาญในสาขาอาชีพแขนงใดแขนงหนึ่ง ซึ่งมิได้เห็นเหตุการณ์ในคดีนั้นมาด้วยตนเอง
ตอบ ๓ กลุ่ม ได้แก่
(๑) พยานหลักฐานที่สนับสนุนข้อกล่าวหา พยานประเภทนี้มีที่มา ดังต่อไปนี้
– จากการตรวจสถานที่เกิดเหตุของคณะกรรมการสอบสวนเพื่อที่จะ ทราบได้ว่ามีบุคคล ทรัพย์สิ่งของใดอยู่ในที่เกิดเหตุบ้าง เช่น ขณะเกิดความเสียหายของทรัพย์สินที่เป็นของมหาวิทยาลัย ผู้ใดอยู่ในที่เกิดเหตุ หรือขณะเกิดเหตุทะเลาะวิวาทของเจ้าหน้าที่ผู้ใดนำ ผู้บาดเจ็บส่งไปรับการตรวจรักษา บุคคลดังกล่าวนี้จึงเป็นพยานที่ได้จากที่เกิดเหตุ ดังนั้น ใน การตรวจสถานที่เกิดเหตุพึงแสวงหาบุคคลดังกล่าวนี้ เพื่อสอบสวนเป็นพยานในคดี
– จากการกล่าวอ้างหรือให้การหรือการยืนยันจากผู้เสียหาย หรือจากผู้กล่าวหา หรือจากพยานว่าเป็นบุคคลที่รู้เห็นในคดีนั้น ๆ
– จากบุคคลซึ่งมีหน้าที่เกี่ยวข้องหรืออาจยืนยันซึ่งเอกสารหรือวัตถุพยาน อันเป็นการสนับสนุนให้พยานเอกสารหรือวัตถุพยานนั้น ๆ มีน้ำหนักน่าเชื่อถือ
การสอบสวนพยานนี้ ผู้สอบสวนชอบที่จะซักถามพยานที่ให้การเพื่อให้ได้ ข้อเท็จจริงในคดี และพิสูจน์ได้ว่าพยานรู้เห็นจริงหรือว่ามีการซักซ้อม ตระเตรียม ว่าจ้าง ให้มา เป็นพยาน ถ้าพยานให้การสอดคล้องต้องกันโดยเป็นเหตุเป็นผลก็เป็นข้อเท็จจริงที่น่าเชื่อถือ แต่ถ้าพยานแต่ละคนให้การขัดกันหรือมีเหตุผลข้อเท็จจริงที่ไม่น่าเป็นไปได้ น้ำหนักคำพยานนั้น ที่จะรับฟังก็ย่อมลดน้อยลง หรือไม่น่ารับฟัง แต่ทั้งนี้ต้องอาศัยเหตุการณ์ข้อเท็จจริงหรือ เหตุผลอื่นประกอบด้วย ฉะนั้น ในการสอบสวนพยานฝ่ายผู้กล่าวหาจะต้องสอบสวนโดยอาศัย ประสบการณ์ ตลอดจนการมีความรู้ในเรื่องความเป็นไปได้มาซักถามพยานอย่างละเอียด รอบคอบ
อย่างไรก็ตาม พยานที่ถูกกล่าวอ้างดังกล่าวนี้ จะต้องรีบสอบสวนโดยด่วน เพื่อป้องกันการซักซ้อมหรือในบางกรณีก็อาจมีการแยกสอบสวนพยานเพื่อป้องกันมิให้พยาน ได้พบปะกัน ภายหลังจากที่ได้สอบสวนพยานผู้หนึ่งไปแล้ว ทั้งนี้เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมแก่ คู่กรณี และเพื่อมิให้ผู ้กล่าวหาหรือพยานดูถูกผู้สอบสวนได้ว่า รู้เท่าไม่ทันหรือถูกหลอก
(๒) พยานหลักฐานของผู้ถูกกล่าวหา หรือพยานหลักฐานที่หักล้างข้อกล่าวหา พยานประเภทนี้ มักจะปรากฏจากบุคคลที่ผู้ถูกกล่าวหาอ้าง เช่น อ้าง ว่าขณะเกิดเหตุพยานบุคคลนี้อยู่ร่วมกับผู้ถูกกล่าวหา ไปด้วยกันหรืออ้างสถานที่อยู่ หรือจาก การตรวจสถานที่เกิดเหตุพบว่ามีเหตุผลเชื่อว่าบุคคลนี้อยู่กับผู้ถูกกล่าวหา จึงจำเป็นต้อง สอบสวนให้ได้ความกระจ่างว่า ในสถานที่ซึ่งผู้ถูกกล่าวหาได้อยู่ทั้งก่อนเกิดเหตุ ขณะเกิดเหตุ และหลังเกิดเหตุเป็นใครบ้าง อีกทั้งต้องสอบสวนถึงเหตุการณ์ หรือปรากฏการณ์ว่าได้มีการ กระทำอะไรเกิดขึ้น ซึ่งต้องรีบสอบสวนพยานหลักฐานต่าง ๆ นี้โดยเร็ว เพื่อให้พยานไม่มีโอกาส ได้พบปะกันระหว่างพยานด้วยกันหรือพบกับผู้ถูกกล่าวหา หรือพรรคพวกของผู้ถูกกล่าวหา อันจะทำให้พยานถูกกดดันหรือบีบคั้น เพื่อให้การบิดเบือนเป็นประโยชน์กับฝ่ายผู้ถูกกล่าวหาได้
พยานฝ่ายผู้ถูกกล่าวหานั้น ถ้ามิใช่เป็นบุคคลที่อยู่ในที่เกิดเหตุ จริง ๆ แล้ว ย่อมจะให้การมีความแตกต่างถ้อยคำของผู้ถูกกล่าวหาที่ให้การไว้บ้างในหลายประเด็น เช่น การแต่งกาย การพูดคุย การก่อทำร้ายฝ่ายตรงกันข้าม หรือการใช้วาจาด่าทอ เป็นต้น เหล่านี้เป็นเบื้องต้นที่จะทำให้วินิจฉัยได้ว่าผู้ถูกกล่าวหาได้ให้การจริงหรือเท็จประการใดบ้าง
(๓) พยานกลาง พยานประเภทนี้ เป็นพยานที่ได้จากการสืบสวน สอบสวนของคณะกรรมการสอบสวน ซึ่งจะเป็นพยานหลักฐานที่มีน้ำหนักน่าเชื่อถือเกี่ยวกับ เรื่องที่เกิดขึ้น อีกทั้งยังให้ความเป็นธรรมแก่คู่กรณีทั้งสองฝ่ายมากที่สุด พยานบุคคลที่ได้เช่นนี ้ เป็นพยานที่คณะกรรมการสอบสวนจะต้องซักไซ้จากการสอบสวนผู้ถูกกล่าวหา หรือจาก พยานบุคคลอื่นแล้วปรากฏข้อเท็จจริงขึ้นมาโดยทั้ง ๆ ที่ผู้กล่าวหาได้พยายามปกปิดเอาไว้ เพราะหากอ้างขึ้นมาก็จะทำให้ฝ่ายตนเสียหาย บางครั้งพยานบุคคลประเภทนี้ก็ได้จากการ ตรวจสถานที่เกิดเหตุ โดยมีผู้อยู่ใกล้ชิดเหตุการณ์เล่าให้ฟังว่าตนเองเป็นผู้เห็น หรือยืนยันว่า พยานบุคคลนั้น ๆ เห็น หรืออยู่ในที่เกิดเหตุ หรือน่าจะเห็นเหตุการณ์ในขณะเกิดเหตุ หรือผ่าน ไปพบเห็นเหตุการณ์ดังกล่าวเข้าพอดี ซึ่งพยานดังกล่าวนี้มักไม่ใช่เป็นผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับ คู่กรณี นอกจากนี้พยานที่เป็นผู้ชำนาญการ เป็นผู้ออกความเห็น พยานบุคคลประเภทนี้ใน บางครั้งก็จำเป็นต้องเชิญมาสอบสวน เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงละเอียดยิ่งขึ้นในบางประเด็น หรือรับ ฟังจากเอกสารที่ส่งมา
ฉะนั้น ในการสอบสวนพยานทั้งสามกลุ่มดังกล่าวข้างต้นนั้น คณะกรรมการสอบสวนจะต้องพิจารณาประเด็นที่จะสอบให้เป็นลูกโซ่สอดคล้องกัน อีกทั้งต้องปรากฏเหตุผลและที่มาของพยานด้วย
หน้าที่เข้าชม | 2,112,106 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 1,481,449 ครั้ง |
เปิดร้าน | 30 ก.ค. 2557 |
ร้านค้าอัพเดท | 22 ต.ค. 2568 |