
- โรคเกิดกับไก่ฤดูฝน คือ
ตอบ โรคนิวคาสเซิล โรคอหิวาต์เป็ด-ไก่ โรคฝีดาษสัตว์ปีก โรคไข้หวัดนก
โรคนิวคาสเซิล ติดต่อโดยการสัมผัสโดยตรงกับสัตว์ปีกที่เป็นโรค หรือการกิน หรือหายใจ เชื้อไวรัสที่ปนเปื้อนในสิ่งแวดล้อม โรคนี้เกิดได้ในไก่ทุกอายุ การเกิดโรคและความรุนแรงจะขึ้นอยู่กับชนิดของเชื้อไวรัส มีอาการทางระบบหายใจ ท้องเสีย อาการทางประสาท คอบิดในไก่ไข่ อัตราการไข่ลดลง สามารถป้องกันโรคนิวคาสเซิลได้ด้วยการใช้วัคซีนหยอดตาหรือหยอดจมูกทุก ๆ 3 เดือน
โรคอหิวาต์เป็ด- ไก่ มักเป็นสาเหตุที่ทำให้สัตว์ปีกป่วยตายอย่างกะทันหัน มีไข้สูง เบื่ออาหาร ซึม มีน้ำมูก น้ำลายเป็นเมือกไหล ท้องเสีย ขนร่วง หายใจถี่ หงอนและหน้าคล้ำก่อนตาย สัตว์ที่ไม่ตายก็จะพัฒนาไปเป็นแบบเรื้อรัง ซึ่งจะพบเหนียง ข้อขา ข้อปีก ต่อมน้ำเหลืองบวม ตาแฉะ ขาบิด หายใจเสียงดัง หอบ การควบคุมและการป้องกันโรคอหิวาต์เป็ด-ไก่ ทำได้โดยฉีดวัคซีนให้กับสัตว์ปีกที่มีอายุตั้งแต่ 3สัปดาห์ และฉีดซ้ำทุก 3 เดือน และใช้ยาปฏิชีวนะในการรักษาโรคนี้คำแนะนำของสัตวแพทย์
โรคฝีดาษสัตว์ปีก มักจะเกิดเม็ดตุ่มคล้ายหูด ตามใบหน้า ขา ปาก ทำให้ไก่เติบโตช้า ไข่ลด หายใจลำบาก กินอาหารไม่ได้ น้ำมูกน้ำตาไหล อาจตายจากการขาดอาหาร น้ำ มีอัตราการตายต่ำถึงปานกลาง สามารถควบคุมและป้องกันโรคได้ด้วยการจัดการฟาร์มสัตว์ปีกให้มีการสุขาภิบาลที่ดี กำจัดยุงโดยตัดหญ้า วัชพืชให้สั้น และใช้กับดักจับยุงในเวลากลางคืน ใช้วัคซีนฝีดาษ แทงปีกไก่อายุระหว่าง 2-5 สัปดาห์ ตัวละ 1-2 ครั้ง หลังจากทำวัคซีน 7-10 วัน จะเกิดตุ่มฝีบริเวณที่แทงปีกและจะค่อย ๆ แห้งหายไปภายใน 2 สัปดาห์
โรคไข้หวัดนก เป็นโรคระบาดที่สามารถติดต่อมาสู่คนได้ ซึ่งสัตว์ปีกที่ได้รับเชื้อจะแสดงอาการไอ จาม มีไข้ หน้าบวม หงอนหรือเหนียงบวม มีสีแดงคล้ำ ชัก มีจุดเลือดออกบริเวณหน้าแข้งหรือตายกะทันหันโดยไม่แสดงอาการป่วยหรือกินอาหารลดลง ผลผลิตไข่ลดลงหรือหยุดไข่ เป็นต้น โรคไข้หวัดนกยังไม่มีวิธีรักษา ต้องทำลายสัตว์ป่วยและสัตว์ร่วมฝูงทั้งหมด พ่นยาฆ่าเชื้อโรคให้ทั่วบริเวณ และพักโรงเรือนไว้อย่างน้อย 21 วัน แต่สามารถป้องกันโรคได้โดยการเลี้ยงสัตว์ปีกในโรงเรือนที่สามารถป้องกันพาหะนำโรคได้ เช่น มีตาข่ายคลุม และมีการพ่นยาฆ่าเชื้อโรคเป็นประจำ
- สูตรอาหารเลี้ยงเชื้อเห็ดฟาง คือ
ตอบ สูตรอาหารวุ้น PDASE (Potato-Dextrose-Agar-Staw-extract)
สูตรอาหารวุ้นสูตรนี้เหมาะที่จะเลี้ยงเชื้อเห็ดฟาง และอาหารวุ้นสูตรนี้ เป็นการเพิ่มสาร
สกัดจากตอซังข้าว โดยใช้ตอซังข้าว 100-300 กรัม สูตรอาหารวุ้น PDASE ประกอบไปด้วย
มันฝรั่ง 200-300 กรัม
วุ้นทำขนม 20 กรัม
น้ำตาลเด๊กโตรส 20 กรัม
ตอซังข้าว 100-300 กรัม
น้ำ 1, 200 กรัม
- ส่วนใดไม่สามารถเจริญเป็นผล
ตอบ เกสรเพศผู้
ส่วนประกอบของดอก
- กลีบเลี้ยง เป็นกลีบเล็ก ๆ สีเขียว อยู่ล่างสุดของดอก ในระยะที่ดอก เริ่มผลิดอกออกมาใหม่ๆ เราจะเห็นดอกตูมสีเขียว เมื่อดอกตูมขยายโตขึ้น สีเขียวที่หุ้มดอกจะแยกออกมารองรับกลีบดอกกลีบสีเขียวนั้นคือกลีบเลี้ยงนั่น เอง กลีบเลี้ยงจะทําหน้าที่ห่อหุ้มดอกตูม และป้องกันอันตรายให้กลีบดอกในขณะที่ยังออ่นอยู่
2.กลีบดอก เป็นส่วนที่อยู่เหนือขึ้นมาจากกลีบเลี้ยง กลีบดอกส่นใหญ่ จะมีสีสวยสะดุดตา หลายชนิดมีกลิ่นหอม ความสวยงามของดอกจะขึ้นอยู่กับสี ลักษณะและจํานวนของกลีบดอกเป็นสําคัญ กลีบดอกเป็นส่วนประกอบของ ดอกที่บอบชํ่าง่ายและร่วงโรยเร็วกว่าส่วนประกอบอื่น
- เกสรตัว มีลักษณะทั้วไปเป็นคล้ายหลอดอันเล็ก ๆ มักมีสีขาว ปลาย หลอดจะมีอับใส่ละอองเกสร รูปร่างค่อนข้างกลมเกสรตัวผู้จะอยู่ถัดจากกลีบดอกเข้า มาข้างในดอก ก้านของเกสรตัวผู้อาจจะติดกับกลีบดอก หรือแยกออกมาต่างหาก ก็ได้ แล้วแต่ชนิดของพืช ดอกไม่ดอกหนึ่ง ๆ อาจมีเกสรตัวผู้ตั้งแต่หนึ่งอันไปจนถึง หลาย ๆ อัน
4.เกสรตัวเมีย เป็นส่วนที่อยู่ตรงกลางของดอด อาจจะมีอันเดียวหรือ หลายอันก็ได้ เกสรตัวเมียโดยทั่วไปจะประกอบด้วยรังไข่ที่อยู่ล่างสุด บริเวณฐาน รองดอก ภายในรังไข่จะบรรจุไข่อ่อนเล็ก ๆ ไว้ เหนือรังไข่จะเป็นท่อยาวขึ้นมา เรียกว่า ก้านชูเกสร ในท่อของก้านชูเกสรจะมีเหนียว ๆ อยู่ เพื่อนำเชื้อตัว ผู้ลงมาผสมกับเชื้อตัวเมียในรังไข่ และบนสุดเป็นยอดเกสรตัวเมีย ซึ่งมีนํ้า เหนียวๆ อยู่เช่นกัน นํ้าเหนียวๆ นี้จะช่วยยึดเกาะเกสรตัวผู้ให้เข้ามาผสมกับเกสร ตัวเมียได้ดีขึ้น
5.ฐานรองดอก เป็นส่วนประกอบที่ทำหน้าที่รองรับส่วนอื่น ๆ ของดอก ฐานรองดอกเป็นที่เจริญเติบโตแผ่ขยายต่อออกมาจาปลายก้านดอก มักจะมีกลีบ เลี้ยงหุ้มไว้อีกชั้นหนึ่ง ฐานรองดอกของพืชบางชนิดอาจจะหุ้มรังไขไว้ทั้งหมด เมื่อรังไข่เจริญขึ้น ฐานรองดอกก็เจริญด้วย และฐานรองดอกของพืชบางชนิด กลายเป็นเนื้อของผลที่ใช้รับทานได้เช่น ชมพู่ ฝรั่ง แอปเปิล สาลี่ เป็นต้น
การเปลี่ยนแปลงของดอกหลังการปฏิสนธิ หลังจากการปฏิสนธิยอดและก้านชูเกสรตัวเมียจะเหี่ยวลง กลีบเลี้ยง กลีบดอก เกสรตัวผู้และเกสรตัวเมียก็จะแห้งแล้วร่วงหลุดไป
ส่วนรังไข่และโอวุลจะมีการเจริญเติบโตต่อไป โดยรังไข่จะเจริญกลายเป็นผล
ส่วนโอวุลจะเจริญไปเป็นเมล็ด ซึ่งภายในเมล็ดจะเก็บต้นอ่อน และอาหารสะสมไว้ภายในเพื่อเกิดเป็นต้นใหม่ต่อไป
- เกษตรพอเพียงถือว่าเป็น
ตอบ ปรัชญา
“เศรษฐกิจพอเพียง” เป็นปรัชญาที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชดำรัสชี้แนะแนวทางการดำเนินชีวิตแก่ พสกนิกรชาวไทยมาโดยตลอดนานกว่า ๒๕ ปี ตั้งแต่ก่อนวิกฤติการณ์ทางเศรษฐกิจ และเมื่อภายหลังได้ทรงเน้นย้ำแนวทางการแก้ไขเพื่อให้รอดพ้น และสามารถดำรงอยู่ได้อย่างมั่นคงและยั่งยืนภายใต้กระแสโลกาภิวัตน์และความเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ
เศรษฐกิจพอเพียง เป็นปรัชญาชี้ถึงแนวการดำรงอยู่และปฏิบัติตนของประชาชนในทุกระดับตั้งแต่ระดับครอบครัว ระดับชุมชนจนถึงระดับรัฐ ทั้งในการพัฒนาและบริหารประเทศให้ดำเนินไปใน ทางสายกลาง โดยเฉพาะการพัฒนาเศรษฐกิจเพื่อให้ก้าวทันต่อโลกยุคโลกาภิวัตน์
ความพอเพียง หมายถึง ความพอประมาณ ความมีเหตุผลรวมถึงความจำเป็นที่จะต้องมีระบบภูมิคุ้มกันในตัวที่ดีพอสมควรต่อการมีผลกระทบใด ๆ อันเกิดจากการเปลี่ยนแปลงทั้งภายนอกและภายใน ทั้งนี้จะต้องอาศัยความรอบรู้ ความรอบคอบ และความระมัดระวังอย่างยิ่ง ในการนำวิชาการต่าง ๆ มาใช้ในการวางแผนและการดำเนินการทุกขั้นตอน และขณะเดียวกันจะต้องเสริมสร้างพื้นฐานจิตใจของคนในชาติโดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ของรัฐนักทฤษฎีและนักธุรกิจในทุกระดับให้มีสำนึกในคุณธรรม ความซื่อสัตย์สุจริตและให้มีความรอบรู้ที่เหมาะสม ดำเนินชีวิตด้วยความอดทน ความเพียร มีสติ ปัญญา และความรอบคอบ เพื่อให้สมดุลและพร้อมต่อการรองรับการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและกว้างขวางทั้งด้านวัตถุ สังคมสิ่งแวดล้อม และวัฒนธรรมจากโลกภายนอกได้เป็นอย่างดี
- พืชบำรุงดิน ได้แก่พืชชนิดใด
ตอบ พืชที่ใช้ปลูกเป็นปุ๋ยพืชสดที่ดีที่สุดนั้น คือพืชตระกูลถั่ว เช่น ถั่วเขียว ถั่วพุ่ม ถั่วเหลือง ถั่วลิสง ปอเทือง โสน ฯลฯ เพราะพืชตระกูลถั่วมีคุณสมบัติ พิเศษ คือที่รากมีปมเรียกว่าปมรากถั่ว ในปมเหล่านี้มีเชื้อจุลินทรีย์ จำพวก ไรโซเบียมอยู่เป็นจำนวนมาก ไรโซเบียมนี้สามารถดึงธาตุไนโตรเจนจาก อากาศมาใช้ เมื่อพืชเน่าเปื่อย ก็จะเพิ่มธาตุไนโตรเจน และอินทรีย์วัตถุ ให้แก่ดิน
- โรคพยาธิปลาเกิดจากอะไร
ตอบ สาเหตุ เกิดจากได้รับเชื้อโรคกลุ่มหนึ่งคือ พยาธิใบไม้ (Digenetic trematode) พยาธิหัวหนาม
(Acanthocephalus) พยาธิตัวกลม (Nematode) และพยาธิตัวแบน (Cestode) ซึ่งส่วนมากจะพบในปลาที่ชอบกินปลาอื่นเป็นอาหาร
วิธีป้องกันและรักษา
-รักษาโดยการใช้ยาถ่ายพยาธิในกรณีที่เชื้อพยาธิอยู่ในท่อทางเดินอาหารเท่านั้น หากเชื้อพยาธิอยู่
ในกล้ามเนื้อและเนื้อเยื่อการรักษาจะไม่ค่อยได้ผล
อาการ หากปลาเป็นโรคพยาธิภายในแล้ว จะเกิดอาการผอมแห้ง ไม่ยอมกินอาหารตามปกติ และ
เป็นโอกาสให้เชื้อโรคชนิดอื่นเข้ามาแทรกซ้อนได้
- ส่วนประกอบของดอก ได้แก่
ตอบ 1. กลีบเลี้ยง เป็นกลีบเล็ก ๆ สีเขียว อยู่ล่างสุดของดอก ในระยะที่ดอก เริ่มผลิดอกออกมาใหม่ๆ เราจะเห็นดอกตูมสีเขียว เมื่อดอกตูมขยายโตขึ้น สีเขียวที่หุ้มดอกจะแยกออกมารองรับกลีบดอกกลีบสีเขียวนั้นคือกลีบเลี้ยงนั่น เอง กลีบเลี้ยงจะทําหน้าที่ห่อหุ้มดอกตูม และป้องกันอันตรายให้กลีบดอกในขณะที่ยังออ่นอยู่
2.กลีบดอก เป็นส่วนที่อยู่เหนือขึ้นมาจากกลีบเลี้ยง กลีบดอกส่นใหญ่ จะมีสีสวยสะดุดตา หลายชนิดมีกลิ่นหอม ความสวยงามของดอกจะขึ้นอยู่กับสี ลักษณะและจํานวนของกลีบดอกเป็นสําคัญ กลีบดอกเป็นส่วนประกอบของ ดอกที่บอบชํ่าง่ายและร่วงโรยเร็วกว่าส่วนประกอบอื่น
- เกสรตัว มีลักษณะทั้วไปเป็นคล้ายหลอดอันเล็ก ๆ มักมีสีขาว ปลาย หลอดจะมีอับใส่ละอองเกสร รูปร่างค่อนข้างกลมเกสรตัวผู้จะอยู่ถัดจากกลีบดอกเข้า มาข้างในดอก ก้านของเกสรตัวผู้อาจจะติดกับกลีบดอก หรือแยกออกมาต่างหาก ก็ได้ แล้วแต่ชนิดของพืช ดอกไม่ดอกหนึ่ง ๆ อาจมีเกสรตัวผู้ตั้งแต่หนึ่งอันไปจนถึง หลาย ๆ อัน
4.เกสรตัวเมีย เป็นส่วนที่อยู่ตรงกลางของดอด อาจจะมีอันเดียวหรือ หลายอันก็ได้ เกสรตัวเมียโดยทั่วไปจะประกอบด้วยรังไข่ที่อยู่ล่างสุด บริเวณฐาน รองดอก ภายในรังไข่จะบรรจุไข่อ่อนเล็ก ๆ ไว้ เหนือรังไข่จะเป็นท่อยาวขึ้นมา เรียกว่า ก้านชูเกสร ในท่อของก้านชูเกสรจะมีเหนียว ๆ อยู่ เพื่อนำเชื้อตัว ผู้ลงมาผสมกับเชื้อตัวเมียในรังไข่ และบนสุดเป็นยอดเกสรตัวเมีย ซึ่งมีนํ้า เหนียวๆ อยู่เช่นกัน นํ้าเหนียวๆ นี้จะช่วยยึดเกาะเกสรตัวผู้ให้เข้ามาผสมกับเกสร ตัวเมียได้ดีขึ้น
5.ฐานรองดอก เป็นส่วนประกอบที่ทำหน้าที่รองรับส่วนอื่น ๆ ของดอก ฐานรองดอกเป็นที่เจริญเติบโตแผ่ขยายต่อออกมาจาปลายก้านดอก มักจะมีกลีบ เลี้ยงหุ้มไว้อีกชั้นหนึ่ง ฐานรองดอกของพืชบางชนิดอาจจะหุ้มรังไขไว้ทั้งหมด เมื่อรังไข่เจริญขึ้น ฐานรองดอกก็เจริญด้วย และฐานรองดอกของพืชบางชนิด กลายเป็นเนื้อของผลที่ใช้รับทานได้เช่น ชมพู่ ฝรั่ง แอปเปิล สาลี่ เป็นต้น
- เกษตรเป็นวิทยาศาสตร์แบบใด
ตอบ วิทยาศาสตร์ประยุกต์
วิทยาศาสตร์ประยุกต์ (อังกฤษ: applied science) คือสาขาวิชาทางวิทยาศาสตร์ที่นำความรู้จากวิทยาศาสตร์ธรรมชาติไปใช้กับปัญหาในทางปฏิบัติ สาขาวิชาต่างของวิศวกรรมศาสตร์เป็นตัวอย่างของวิทยาศาสตร์ประยุกต์ วิทยาศาสตร์ประยุกต์มีความสำคัญสำหรับการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ และในด้านอุตสาหกรรมเรียกวิทยาศาสตร์ประยุกต์ว่า การวิจัยและพัฒนา (research & development)
- แสงสีใดที่พืชรับมากที่สุด
ตอบ แสงที่มีผลต่อการเกิดขบวนการสังเคราะห์ด้วยแสงได้มากที่สุด คือ แสงสีแดง แสงสีน้ำเงิน และแสงสีม่วง ตามลำดับ ส่วนแสงสีเขียวมีผลต่อขบวนการสังเคราะห์ด้วยแสงน้อยที่สุด
- หูใบ มีลักษณะอย่างไร
ตอบ หูใบ (stipule) เป็นส่วนของใบที่ยื่นออกมาจากโคนก้านใบ อาจจะงอกมาจากก้านใบหรือซอกใบก็ได้ หูใบอาจมี 1 ถึง 2 อัน แต่พืชส่วนใหญ่ไม่มีหูใบ หูใบมักมีสีเขียวจึงสามารถสังเคราะห์แสงได้
ส่วนประกอบของใบ
ใบแท้ที่มีส่วนประกอบสมบูรณ์จะมีส่วนประกอบต่างๆ 3 ส่วนได้แก่
- ตัวใบ หรือ แผ่นใบ (Lamina หรือ Blade) มีลักษณะเป็นแผ่นบางๆ การที่ใบมีลักษณะบางทำให้ใบมีพื้นที่ผิวมาก และสัมผัสกับแสงได้มาก ทำให้สังเคราะห์แสงได้มากด้วย
- ก้านใบ (petiole) เป็นส่วนที่ต่อระหว่างแผ่นใบกับลำต้นหรือกิ่ง
- หูใบ (stipule) เป็นส่วนของใบที่ยื่นออกมาจากโคนก้านใบ อาจจะงอกมาจากก้านใบหรือซอกใบก็ได้ หูใบอาจมี 1 ถึง 2 อัน แต่พืชส่วนใหญ่ไม่มีหูใบหูใบมักมีสีเขียวจึงสามารถสังเคราะห์แสงได้
