ตอบ 3 แนวทาง ได้แก่
1.ศาสตร์แห่งความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์การแพทย์ เพื่อการรักษาโรค เป็นโรค แล้วค่อยรักษา
ตอบ สเต็มเซลล์ (Stem Cell) หรือเซลล์ต้นกำเนิด คือ เซลล์ที่ยังไม่มีการพัฒนาเป็นเซลล์ชนิดใดที่ทำหน้าที่เฉพาะ มีความสามารถในการแบ่งตัว และเพิ่มจำนวนตัวเองได้ สามารถพัฒนาเป็นเซลล์ที่มีหน้าที่เฉพาะเจาะจง ภายใต้สภาวะที่ถูกกำหนด ควบคุมให้สามารถเจริญเติบโตไปเป็น เนื้อเยื่อ อวัยวะต่างๆ กระดูก สามารถพัฒนาซ่อมแซมระบบภูมิคุ้มกัน สามารถพัฒนาให้ทดแทนเซลล์ที่ถูกทำลายจากการบาดเจ็บ หรือจากโรคร้ายแรงต่างๆ ได้
ตอบ 1. สเต็มเซลล์จากตัวอ่อน (Embryonic Stem Cells) เมื่อเกิดการปฏิสนธิ สเปิร์มผสมกับไข่แล้ว จะมีการพัฒนาไปเป็น ตัวอ่อน หรือที่เรียกว่า เอ็มบริโอ (embryo)เซลล์จะเริ่มแบ่งตัวเพิ่มจำนวนจากหนึ่งเป็นสอง สองเป็นสี่ สี่เป็นแปด และแบ่งต่อไปเรื่อยๆ จนกระทั่งได้กลุ่มเซลล์ตัวอ่อนระยะ 3-5 วัน ที่มีรวมกันประมาณ 150 เซลล์ เรียกว่า ระยะบลาสโตซิสต์ (blastocyst) ภายในเซลล์บลาสโตซิสต์นี้มีกลุ่มเซลล์ที่เรียกว่า มวลเซลล์ชั้นใน (inner cell mass) หรือ กลุ่มเซลล์ที่อยู่ชั้นใน ซึ่งมีจำนวนเซลล์ประมาณ 30 เซลล์ ซึ่งมวลเซลล์นี้เองที่นักวิทยาศาสตร์ ถือว่าเป็น สเต็มเซลล์
ตอบ เลือด (Peripheral blood) ไขกระดูก (Bone marrow) เลือดจากสายสะดือ (Cord blood) รก (Placenta) ไขมัน (Adipose tissue) ฟันนํ้านม (Baby teeth) และฟันคุด (Impacted Tooth)
ตอบ สเต็มเซลล์มีศักยภาพที่จะพัฒนาไปเป็นเซลล์อวัยวะใดก็ได้ใน 220 ชนิด ถ้าเราสามารถเอามันไปใส่ในคนที่อวัยวะเสื่อมเพราะโรค และบังคับมันให้แบ่งตัวขึ้นมาทำงานแทนที่ หรือซ่อมแซมอวัยวะที่เสียหายได้ก็จะสามารถใช้มันรักษาโรคได้ เมื่อเร็วๆ นักวิทยาศาสตร์ ค้นพบ วิธีทำการกระตุ้นสเต็มเซลล์ให้พัฒนาไปเป็นเซลล์อวัยวะได้หลายชนิดเช่น เซลล์หัวใจ เซลล์ผิวหนัง ทีเซลล์ (เซลล์สร้างภูมิต้านทาน) เซลล์เหล่านี้มีศักยภาพที่เมื่อ ฉีดมันเข้าไปในอวัยวะที่เสื่อม ก็สามารถงอกขึ้นมาทดแทนเซลล์ของอวัยวะนั้นได้ นักวิทยาศาสตร์จึงมีความมั่นใจว่า ต่อไปจะสามารถเพาะเลี้ยงสเต็มเซลล์เหล่านี้ไปรักษาโรค ที่ปัจจุบันไม่มีทางรักษาได้
ตอบ ประการที่หนึ่ง – เพื่อเป็นเครื่องมือใหม่ในการศึกษากระบวนการสรีรวิทยาที่เกิดขึ้นในร่างกายมนุษย์ทั้งหมดโดยใช้แนวทาง Nanotechnology และประยุกต์ใช้ศึกษาความผิดปกติที่เกิดจากโรคภัยไข้เจ็บทุกชนิดที่รู้จักกันในปัจจุบันรวมทั้งโรคที่ยังไม่ทราบสาเหตุ เพื่อให้เกิดความแม่นยำในการวินิจฉัยโรค
ประการที่สอง – ถือว่าเป็นเทคโนโลยีที่ยากที่สุดที่จะเกิดขึ้น เรียกว่า “Nanorobots” อาศัยความรู้ชั้นสูง ของวิทยาศาสตร์ชีวภาพ เช่น ชีวเคมี ร่วมกับความรู้ด้านวิศวกรรมศาสตร์ สาขาหุ่นยนต์ หรือเครื่องจักรกล
ตอบ 1. หุ่นยนต์ช่วยในการผ่าตัด 2. หุ่นยนต์ช่วยเสริมสร้างสมรรถภาพคนพิการ
ตอบ หุ่นยนต์ดาวินชี (Da Vinci)
ตอบ หลักการทำงานของระบบหุ่นยนต์ดาวินชี นั้นจะมีแขนกลซ้ายขวาของหุ่นยนต์จะถูกควบคุมโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญผ่านทางก้านควบคุม (joystick)
ตอบ ข้อดี
ข้อด้อย
หน้าที่เข้าชม | 2,112,106 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 1,481,449 ครั้ง |
เปิดร้าน | 30 ก.ค. 2557 |
ร้านค้าอัพเดท | 22 ต.ค. 2568 |